ตู้สแตนเลส
ตู้สแตนเลส เป็นตู้ที่ผลิตจาก สแตนเลส (Stainless Steel) ซึ่งเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อน น้ำ ฝุ่น และสภาพแวดล้อมที่รุนแรง นิยมใช้สำหรับ เก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น เบรกเกอร์ สวิตช์ไฟ และระบบควบคุมไฟฟ้า เพื่อป้องกันความเสียหายจากฝุ่น ความชื้น และสารเคมีรูปแบบของตู้เก็บของสแตนเลส แบบแขวนผนัง (Wall-Mounted), แบบตั้งพื้น (Floor-Standing) เหมาะสมสำหรับการ ปกป้องและจัดเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า ให้ปลอดภัยจากสภาพแวดล้อมและยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน!
ตู้สแตนเลส คืออะไร?
คือ ตู้ที่ผลิตจากสแตนเลส (Stainless Steel) ซึ่งเป็นโลหะที่มีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อน ไม่เป็นสนิม และแข็งแรง เหมาะสำหรับใช้เป็น ตู้เก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ต่างๆ ในโรงงานอุตสาหกรรม อาคารสำนักงาน และสถานที่ที่ต้องการความทนทานสูงผลิตจาก สแตนเลสเกรดต่างๆ ซึ่งแต่ละเกรดมีคุณสมบัติเฉพาะที่เหมาะกับการใช้งานแตกต่างกัน เกรดของสแตนเลสที่ใช้ทำตู้ไฟฟ้า 304 – ทนทานต่อการกัดกร่อนและความชื้น เหมาะสำหรับ งานทั่วไปและงานอุตสาหกรรม สแตนเลส 316 – ทนต่อสารเคมีและไอเกลือสูง เหมาะสำหรับ โรงงานอาหาร ยา และงานติดตั้งกลางแจ้ง
รายละเอียดสินค้าและราคา
ประเภทของตู้สแตนเลสและการใช้งานที่เหมาะสม
ประเภทที่เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ตู้แบบแขวนผนังเหมาะกับการติดตั้งในพื้นที่จำกัดและการใช้งานในอาคาร ส่วนตู้แบบตั้งพื้นรองรับอุปกรณ์ขนาดใหญ่และเหมาะกับการใช้งานในโรงงานหรือสถานีไฟฟ้า ตู้แบบมีหลังคาช่วยป้องกันน้ำและฝุ่น เหมาะกับการติดตั้งกลางแจ้ง ตู้แนวนอนเหมาะกับพื้นที่จำกัด และตู้แนวตั้งช่วยให้จัดระเบียบอุปกรณ์ไฟฟ้าได้ดี การเลือกประเภทตู้ที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้งาน.
ตารางประเภทและการใช้งานที่เหมาะสม
| ประเภทตู้ไฟฟ้า | ลักษณะการใช้งาน | ข้อดี |
|---|---|---|
| ตู้แขวนผนัง (Wall-Mounted) | ติดตั้งบนผนัง เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัด | ประหยัดพื้นที่ ติดตั้งง่าย เหมาะสำหรับการใช้งานในอาคาร |
| ตู้ตั้งพื้น (Floor-Standing) | รองรับอุปกรณ์ขนาดใหญ่ ใช้ในโรงงานหรือสถานีไฟฟ้า | แข็งแรง ทนทาน รองรับน้ำหนักได้ดี เหมาะสำหรับอุปกรณ์ขนาดใหญ่ |
| ตู้มีหลังคา (With Roof) | ใช้กลางแจ้ง ป้องกันน้ำและฝุ่น | ป้องกันแสงแดดและฝน เหมาะสำหรับการติดตั้งกลางแจ้ง |
| ตู้แนวนอน (Horizontal) | เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัด | ประหยัดพื้นที่ เหมาะสำหรับการจัดเก็บอุปกรณ์ขนาดเล็ก |
| ตู้แนวตั้ง (Vertical) | ใช้จัดเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องมือ | ช่วยจัดระเบียบอุปกรณ์ให้เป็นระเบียบ ง่ายต่อการเข้าถึง |
ตู้สแตนเลสแบบแขวนผนัง (Wall-Mounted Stainless)
🔹 คุณสมบัติ
✅ ขนาดกะทัดรัด เหมาะกับพื้นที่จำกัด
✅ ติดตั้งง่าย ประหยัดพื้นที่ เหมาะกับการใช้งานบนผนังอาคารหรือเครื่องจักร ☑ ตู้สแตนเลส 2 ชั้น
✅ มีระบบปิดผนึกที่ดี กันน้ำ กันฝุ่น มาตรฐาน IP55 – IP66
🔹 การใช้งาน
✔ ตู้ควบคุมไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม
✔ ตู้เก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในศูนย์ข้อมูล
✔ ตู้ติดตั้งบนผนังเพื่อจัดเก็บเครื่องมือหรือเอกสาร
ตู้เก็บของสแตนเลสแบบตั้งพื้น (Floor-Standing Stainless)
🔹 คุณสมบัติ
✅ โครงสร้างแข็งแรง รองรับอุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องมือขนาดใหญ่
✅ สามารถ ติดตั้งวงจรไฟฟ้า และระบบควบคุมอุตสาหกรรม
✅ มีขาตั้ง ป้องกันความชื้นจากพื้น
🔹 การใช้งาน
✔ ตู้ควบคุมไฟฟ้าแรงสูงในโรงงานและสถานีไฟฟ้า
✔ ตู้เก็บอุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์และเครือข่าย IT
✔ ตู้ใช้ในห้องควบคุมเครื่องจักรและระบบอัตโนมัติ
การสั่งผลิตตู้สแตนเลสไฟฟ้ากันน้ำ
การสั่งผลิตตู้กันน้ำต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ประเภทของตู้ (แขวนผนัง, ตั้งพื้น, มีหลังคา) ขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน, ประเภทประตู (บานเดี่ยวหรือบานคู่), มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น (IP Rating) ที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมการใช้งาน เช่น IP55, IP65 หรือ IP66 และวัสดุที่ใช้ (สแตนเลส 304 หรือ 316) ซึ่งขึ้นอยู่กับความทนทานต่อการกัดกร่อนและสารเคมีต่างๆ การเลือกตู้ไฟฟ้าที่ตรงกับความต้องการจะช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น.
| ข้อกำหนด | คำอธิบาย |
|---|---|
| 1. ประเภทของตู้ | – ตู้แขวนผนัง (Wall-Mounted): ติดตั้งบนผนัง ประหยัดพื้นที่ เหมาะกับอุปกรณ์ขนาดเล็กหรือในพื้นที่จำกัด – ตู้ตั้งพื้น (Floor-Standing): รองรับอุปกรณ์ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับโรงงานหรือสถานีไฟฟ้า – ตู้มีหลังคา (With Roof): เหมาะสำหรับการติดตั้งกลางแจ้ง ป้องกันน้ำฝนและแสงแดดได้ดี |
| 2. ขนาดของตู้ และฟังค์ชั่นเพิ่มเติม | ขนาดต้องพิจารณาจากอุปกรณ์ที่จะติดตั้ง เช่น ขนาดของแผงควบคุมไฟฟ้า, เครื่องมือ หรือวงจรไฟฟ้า รวมถึงพื้นที่ที่ใช้ติดตั้ง |
| 3. ประเภทประตู | – บานเดี่ยว (Single Door): เหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็กและใช้งานง่าย – บานคู่ (Double Door): เหมาะกับตู้ขนาดใหญ่ที่ต้องการเปิดกว้างเพื่อเข้าถึงอุปกรณ์ |
| 4. มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น (IP Rating) | – IP55: กันฝุ่นบางส่วนและน้ำที่มีแรงดันปานกลาง – IP66: ป้องกันฝุ่น 100% และกันน้ำแรงดันสูง |
| 5. วัสดุที่ใช้ | – สแตนเลส 304: เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป ทนทานต่อการกัดกร่อน |
การเลือกขนาดและประเภทประตู้สแตนเลสไฟฟ้ากันน้ำ
การเลือกขนาดและประเภทประตูของตู้ไฟฟ้ากันน้ำเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานและการบำรุงรักษา เนื่องจากประตูเป็นส่วนที่ช่วยให้เข้าถึงอุปกรณ์ภายในตู้ได้สะดวกและป้องกันการปนเปื้อนจากภายนอก ต่อไปนี้คือแนวทางการเลือกขนาดและประเภทประตูที่เหมาะสม การเลือกขนาดและประเภทประตูต้องพิจารณาจากลักษณะการใช้งานและสภาพแวดล้อมของตู้ เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้งานในระยะยาวจะสามารถทำได้สะดวกและปลอดภัยที่สุด.
ขนาดของตู้ ขนาดของประตูต้องสัมพันธ์กับขนาดของตู้ที่ใช้ โดยคำนึงถึงขนาดของอุปกรณ์ที่จะติดตั้งภายในและการเข้าถึงที่สะดวกสำหรับการบำรุงรักษา ควรเลือกขนาดประตูที่เปิดได้กว้างพอเพื่อให้สามารถใช้งานได้สะดวก ☑ ตู้สแตนเลส
ประเภทประตูบานเดี่ยว (Single Door)
ข้อดี: เหมาะสำหรับตู้ขนาดเล็กถึงกลาง ที่ไม่ต้องเปิดประตูบ่อยหรือไม่ต้องเข้าถึงอุปกรณ์หลายตัวพร้อมกัน
การใช้งาน: ประตูบานเดี่ยวเหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่ที่ไม่ต้องการพื้นที่เปิดประตูมากเกินไป เช่น ในห้องควบคุมหรือพื้นที่ที่มีจำกัด
ประเภทประตูบานคู่ (Double Door)
ข้อดี: เหมาะสำหรับตู้ขนาดใหญ่ ที่มีอุปกรณ์หลายตัวหรือที่ต้องการการเข้าถึงที่กว้างขึ้น
การใช้งาน: ประตูบานคู่ช่วยให้สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ในตู้ได้สะดวกและรวดเร็ว โดยไม่ต้องเปิดหลายครั้ง เหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่ที่ไม่จำกัดพื้นที่
วัสดุของประตู
ประตูเหล็กสแตนเลส: ให้ความทนทานและป้องกันการกัดกร่อนได้ดี เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือการสัมผัสกับสารเคมี
ประตูมีช่องระบายอากาศ (Ventilated Doors): เหมาะสำหรับตู้ที่มีอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เกิดความร้อน เพื่อช่วยระบายอากาศและป้องกันความร้อนสะสม
ผลงานสินค้าและบริการของเรา
คำแนะนำสำหรับการเลือกพื้นที่และตำแหน่งที่ดีที่สุด
เลือกพื้นที่ที่สะอาดและแห้ง ควรติดตั้งในพื้นที่ที่ไม่มีความชื้นสูงหรือสิ่งสกปรกที่อาจทำให้เกิดการกัดกร่อนกับตัวตู้ โดยเฉพาะการเลือกพื้นที่ที่ไม่ใกล้แหล่งน้ำ หรือฝุ่นละอองมากเกินไป
หลีกเลี่ยงแสงแดดตรง หากติดตั้ในพื้นที่กลางแจ้ง ควรหลีกเลี่ยงการตั้งตู้ในตำแหน่งที่ได้รับแสงแดดตรงๆ เนื่องจากอาจทำให้เกิดความร้อนสูง ซึ่งอาจส่งผลต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าภายในตู้
เลือกตำแหน่งที่สะดวกในการเข้าถึง ควรเลือกพื้นที่ที่สามารถเข้าถึงตู้ได้ง่าย เพื่อให้สามารถทำการบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมได้สะดวก การติดตั้งควรพิจารณาถึงการเปิด-ปิดประตูของตู้และระยะห่างจากกำแพงหรืออุปกรณ์อื่นๆ
การยกตู้ให้สูงจากพื้นหากติดตั้งในพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดน้ำท่วม ควรเลือกติดตั้งตู้ให้สูงจากพื้น เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหรือสิ่งสกปรกเข้ามาภายในตู้
ตำแหน่งที่สามารถระบายอากาศได้ดี ควรเลือกพื้นที่ที่มีการระบายอากาศที่ดี เพื่อป้องกันความร้อนสะสมในตู้ โดยเฉพาะในตู้ที่ใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือเครื่องจักรที่มีการทำงานในระยะยาว
- พิจารณาการป้องกันจากภัยธรรมชาติ สำหรับการติดตั้งในพื้นที่ภายนอก ควรเลือกตำแหน่งที่ได้รับการป้องกันจากลมแรงและสภาพอากาศที่รุนแรง เช่น การติดตั้งใต้หลังคาหรือในที่มีการป้องกันจากลม ☑ รายละเอียดสินค้าและราคา
สอบถามและปรึกษาเกี่ยวกับสินค้าได้โดยตรง
บริการนำเข้าทางเครื่องบิน (Air Freight)
มีสต็อกพร้อมส่งในประเทศ รองรับการใช้งานได้ทันที
✅ จัดส่งได้ทันทีภายใน 1–2 วันทำการ
✅ ปริมณฑล และต่างจังหวัด 2-3 วันทำการ (ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการขนส่งเอกชน) **สามารถระบุได้
สั่งผลิตตามขนาดและความต้องการใช้งานได้
✅เลือกขนาดได้อิสระ: กำหนด ความกว้าง x ความสูง x ความลึก ตามพื้นที่ใช้งาน



















