ตู้เก็บของสแตนเลส 2 บานคู่
ตู้เก็บของสแตนเลส 2 บานคู่เป็นตู้ไฟฟ้าที่มีการออกแบบประตูแบบบานคู่หรือสองบาน โดยสามารถเปิดออกได้ทั้งสองด้าน ซึ่งทำให้การเข้าถึงของภายในตู้สะดวกและรวดเร็ว ตู้ประเภทนี้เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องการการเก็บรักษาของหรืออุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่ เช่น ในโรงงาน อุตสาหกรรม หรือแม้กระทั่งในบ้านที่ต้องการพื้นที่เก็บของที่มีความแข็งแรง ทนทาน และสามารถทนต่อการกัดกร่อนจากความชื้นหรือสารเคมีได้ดี
ตู้เก็บของสแตนเลส 2 บานคู่ คือ?
คือตู้สแตนเลส ที่ออกแบบที่เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในด้านการเดินระบบวงจรไฟฟ้าและการเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้าในโรงงาน การใช้งานนี้เน้นไปที่การจัดเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือส่วนประกอบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าในโรงงาน ซึ่งต้องการการป้องกันที่ดีจากฝุ่น ความชื้น และสารเคมีต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมการทำงาน การออกแบบประตูแบบบานคู่ช่วยให้การเปิดและปิดสะดวกขึ้น และสามารถเข้าถึงภายในตู้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเปิดประตูทั้งหมด
รายละเอียดสินค้าและราคา
ตู้เก็บของสแตนเลส 2 บานคู่ คือ?
คือตู้สแตนเลส ที่ออกแบบที่เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในด้านการเดินระบบวงจรไฟฟ้าและการเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้าในโรงงาน การใช้งานนี้เน้นไปที่การจัดเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือส่วนประกอบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าในโรงงาน ซึ่งต้องการการป้องกันที่ดีจากฝุ่น ความชื้น และสารเคมีต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมการทำงาน การออกแบบประตูแบบบานคู่ช่วยให้การเปิดและปิดสะดวกขึ้น และสามารถเข้าถึงภายในตู้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเปิดประตูทั้งหมด
รายละเอียดสินค้าและราคา
สินค้าและบทความใกล้เคียง
การใช้งานสำหรับเดินระบบวงจรตู้เก็บของสแตนเลส
การใช้ตู้เก็บของสแตนเลสสำหรับเดินระบบวงจรไฟฟ้าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการจัดเก็บและป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงต่อฝุ่น น้ำ และสารเคมี โดยเฉพาะในโรงงานหรือพื้นที่ที่มีการใช้งานไฟฟ้าระดับสูง ตู้สแตนเลสช่วยให้ระบบวงจรไฟฟ้าได้รับการปกป้องอย่างดีจากอันตรายต่างๆ และช่วยให้การจัดระเบียบอุปกรณ์ไฟฟ้าทำได้ง่ายขึ้น
ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติของ IP55 และ IP66
| คุณสมบัติ | IP55 | IP66 |
|---|
| การป้องกันฝุ่น | ป้องกันฝุ่นบางส่วน (ไม่สามารถทนทานฝุ่นทั้งหมด) | ป้องกันฝุ่นทั้งหมด (Dust-tight) |
| การป้องกันน้ำ | ป้องกันน้ำจากการพ่นแรงดันต่ำ (12.5 ลิตร/นาที) | ป้องกันน้ำจากการพ่นแรงดันสูง (100 ลิตร/นาที) |
| เหมาะสำหรับการใช้งาน | พื้นที่ที่มีฝุ่นน้อย เช่น โรงงานที่ไม่มีฝุ่นมาก | พื้นที่กลางแจ้งหรือโรงงานที่มีฝุ่นหรือการพ่นน้ำ |
| การทนทานต่อสภาพแวดล้อม | ทนทานต่อการพ่นน้ำในฝนตกเล็กน้อย | ทนทานต่อน้ำฝนตกหนักและการพ่นน้ำแรงดันสูง |
| การใช้งานที่เหมาะสม | โรงงานที่มีฝุ่นน้อย, พื้นที่ที่ไม่เจอกับฝนมาก | โรงงานที่มีฝุ่นสูง, พื้นที่กลางแจ้งที่มีฝนตกหนัก |
| การป้องกันจากน้ำ | กันน้ำฝนตกเล็กน้อย แต่ไม่ทนต่อการพ่นน้ำแรงดันสูง | กันน้ำจากการพ่นแรงดันสูง เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมกลางแจ้ง |
คุณสมบัติที่สำคัญในการใช้งานการเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า
การป้องกันสิ่งแปลกปลอม: สามารถป้องกันฝุ่นละออง น้ำ และความชื้นจากภายนอก ซึ่งเหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่ที่มีการใช้งานไฟฟ้าในโรงงานหรือสถานที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและสภาพแวดล้อมบ่อยครั้ง
ทนทานต่อการกัดกร่อน: ด้วยวัสดุสแตนเลส (304 หรือ 316) ตู้สามารถทนต่อสารเคมีหรือการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมที่มีการสัมผัสสารเคมีหรือการใช้ไฟฟ้าทำงานในอุณหภูมิสูง
การจัดระเบียบระบบวงจร: ตู้สแตนเลส เพลทด้านฝนในสำหรับการจัดเก็บสายไฟ ฟิวส์ หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ซึ่งช่วยให้การติดตั้งระบบวงจรไฟฟ้าเป็นระเบียบและง่ายต่อการบำรุงรักษา
ป้องกันการสัมผัสอันตราย: มีการออกแบบที่สามารถป้องกันการสัมผัสกับสายไฟหรือส่วนประกอบไฟฟ้า ซึ่งช่วยป้องกันอุบัติเหตุจากการลัดวงจรหรือไฟฟ้าช็อต
ความสำคัญของมาตรฐาน IP Rating ในการเลือกตู้สแตนเลส
มาตรฐาน IP Rating (Ingress Protection) เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการเลือกตู้เก็บของสแตนเลสสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง เนื่องจากมันระบุถึงความสามารถในการป้องกันตู้จากการเข้าสู่ภายในของฝุ่นและน้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถส่งผลต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในตู้ โดยจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ต่างๆ จะได้รับการปกป้องจากสภาพแวดล้อมภายนอก
- IP55 (ป้องกันฝุ่นบางส่วนและน้ำจากการพ่นแรงดันต่ำ) การป้องกันฝุ่น: มาตรฐาน IP55 ระบุว่าอุปกรณ์ภายในตู้ได้รับการป้องกันจากฝุ่นบางส่วน (ไม่ได้ป้องกันฝุ่นทั้งหมด)
- IP66 ให้การป้องกันฝุ่นแบบเต็มที่ (Dust-tight) ซึ่งหมายความว่าไม่มีฝุ่นใดๆ สามารถเข้ามาในตู้ได้ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นมาก เช่น โรงงานหรือในพื้นที่ที่มีการก่อสร้าง
การสั่งผลิตตู้สแตนเลสกันน้ำ
การสั่งผลิตตู้กันน้ำต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ประเภทของตู้ (แขวนผนัง, ตั้งพื้น, มีหลังคา) ขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน, ประเภทประตู (บานเดี่ยวหรือบานคู่), มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น (IP Rating) ที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมการใช้งาน เช่น IP55, IP65 หรือ IP66 และวัสดุที่ใช้ (สแตนเลส 304 หรือ 316) ซึ่งขึ้นอยู่กับความทนทานต่อการกัดกร่อนและสารเคมีต่างๆ การเลือกตู้ไฟฟ้าที่ตรงกับความต้องการจะช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น.
| ข้อกำหนด | คำอธิบาย |
|---|---|
| 1. ประเภทของตู้ | – ตู้แขวนผนัง (Wall-Mounted): ติดตั้งบนผนัง ประหยัดพื้นที่ เหมาะกับอุปกรณ์ขนาดเล็กหรือในพื้นที่จำกัด – ตู้ตั้งพื้น (Floor-Standing): รองรับอุปกรณ์ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับโรงงานหรือสถานีไฟฟ้า – ตู้มีหลังคา (With Roof): เหมาะสำหรับการติดตั้งกลางแจ้ง ป้องกันน้ำฝนและแสงแดดได้ดี |
| 2. ขนาดของตู้ และฟังค์ชั่นเพิ่มเติม | ขนาดต้องพิจารณาจากอุปกรณ์ที่จะติดตั้ง เช่น ขนาดของแผงควบคุมไฟฟ้า, เครื่องมือ หรือวงจรไฟฟ้า รวมถึงพื้นที่ที่ใช้ติดตั้ง |
| 3. ประเภทประตู | – บานเดี่ยว (Single Door): เหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็กและใช้งานง่าย – บานคู่ (Double Door): เหมาะกับตู้ขนาดใหญ่ที่ต้องการเปิดกว้างเพื่อเข้าถึงอุปกรณ์ |
| 4. มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น (IP Rating) | – IP55: กันฝุ่นบางส่วนและน้ำที่มีแรงดันปานกลาง – IP66: ป้องกันฝุ่น 100% และกันน้ำแรงดันสูง |
| 5. วัสดุที่ใช้ | – สแตนเลส 304: เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป ทนทานต่อการกัดกร่อน |
วิธีการเลือกตู้เก็บของสแตนเลสสำหรับเดินระบบวงจร
การเลือกตู้สแตนเลสเก็บของสำหรับการเดินระบบวงจรไฟฟ้าเป็นสิ่งที่สำคัญในการทำให้ระบบไฟฟ้าในโรงงานหรือสถานที่อุตสาหกรรมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยการเลือกตู้ที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันอุปกรณ์จากการถูกทำลายจากสิ่งแปลกปลอม ฝุ่น น้ำ หรือการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมที่มีการใช้งานไฟฟ้า
1. ขนาดและการจัดวางของตู้
ขนาดของตู้: ขนาดของตู้สแตนเลสจะต้องเหมาะสมกับขนาดของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จะเก็บและติดตั้งภายในตู้ ต้องมีพื้นที่เพียงพอสำหรับการติดตั้งวงจรไฟฟ้า, สายไฟ, รีเลย์, ฟิวส์ และอุปกรณ์อื่นๆ รวมถึงช่องว่างสำหรับการระบายความร้อนของอุปกรณ์
ตำแหน่งการติดตั้ง: ตู้ควรเลือกติดตั้งในพื้นที่ที่ไม่ถูกจำกัดหรือแออัดเกินไป เช่น พื้นที่ที่มีการระบายอากาศดีเพื่อป้องกันความร้อนสะสมจากการใช้งานไฟฟ้า ☑ ตู้สแตนเลส
2. วัสดุที่ใช้ในตู้ (สแตนเลส 304 หรือ 316)
สแตนเลส 304: เป็นวัสดุที่ทนทานและมีราคาถูกกว่า เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมทั่วไปที่ไม่มีความเครียดสูง เช่น โรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป
สแตนเลส 316: เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมีหรือการกัดกร่อนสูง เช่น โรงงานเคมีหรือพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น การใช้งานกลางแจ้งหรือในที่ที่มีสารเคมีหรือเกลือ
ผลงานสินค้าและบริการของเรา
ประโยชน์ของตู้เก้บของสแตนเลสในการปกป้องอุปกรณ์ไฟฟ้า
การป้องกันฝุ่นและสิ่งแปลกปลอม: มาตรฐานการป้องกัน IP55 หรือ IP66 ช่วยป้องกันฝุ่นละอองและสิ่งแปลกปลอมจากการเข้าสู่ภายในตู้ ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่อยู่ภายในได้รับการปกป้องจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากฝุ่นหรือเศษวัสดุต่างๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดการลัดวงจรหรือการเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ไฟฟ้า
การป้องกันน้ำและความชื้น: มาตรฐาน IP Rating สูงสามารถป้องกันน้ำจากฝนตกหรือการพ่นน้ำที่อาจเข้าสู่ภายในตู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงหรือต้องเจอกับฝนตกหรือการทำความสะอาดด้วยน้ำแรงดันสูง ช่วยให้การทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นไปอย่างปลอดภัย
ลดความเสี่ยงจากการเกิดสนิม: วัสดุที่มีความต้านทานการกัดกร่อนและไม่เกิดสนิมเมื่อสัมผัสกับน้ำหรือความชื้น ซึ่งช่วยให้ตู้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาการผุกร่อนของโลหะ
- การรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์: การป้องกันฝุ่นและความชื้นใน ช่วยให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในได้รับการปกป้องจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายหรือการทำงานที่ผิดปกติ เช่น ความชื้นที่สูงอาจทำให้วงจรไฟฟ้าลัดวงจรหรือเกิดไฟฟ้าลัดวงจร
- ยืดอายุการใช้งาน:ด้วยคุณสมบัติในการป้องกันฝุ่นและความชื้น ตู้กันน้ำช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ภายใน โดยป้องกันไม่ให้เกิดการเสื่อมสภาพจากปัจจัยภายนอก เช่น ฝุ่นและความชื้นที่อาจทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ เสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น ☑ รายละเอียดสินค้าและราคา
- ความเหมาะสมในการใช้งานกลางแจ้ง: เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมกลางแจ้ง ที่อาจเจอกับฝนตก แสงแดดจัด หรือฝุ่นละออง โดยยังคงความสามารถในการป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าจากความเสี่ยงจากปัจจัยเหล่านี้ ช่วยให้การดำเนินงานของระบบไฟฟ้าเป็นไปอย่างปลอดภัย
สอบถามและปรึกษาเกี่ยวกับสินค้าได้โดยตรง
บริการนำเข้าทางเครื่องบิน (Air Freight)
มีสต็อกพร้อมส่งในประเทศ รองรับการใช้งานได้ทันที
✅ จัดส่งได้ทันทีภายใน 1–2 วันทำการ
✅ ปริมณฑล และต่างจังหวัด 2-3 วันทำการ (ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการขนส่งเอกชน) **สามารถระบุได้
สั่งผลิตตามขนาดและความต้องการใช้งานได้
✅เลือกขนาดได้อิสระ: กำหนด ความกว้าง x ความสูง x ความลึก ตามพื้นที่ใช้งาน











