ตู้กระจกสแตนเลส | IP55-IP66
ตู้กระจกสแตนเลส แบบ ฝาใส 1 หรือ 2 ชั้น เป็นตู้ที่ออกแบบมาเพื่อให้สามารถ มองเห็นอุปกรณ์ภายใน ได้โดยไม่ต้องเปิดฝา เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการทั้งความปลอดภัยและความสะดวกในการตรวจสอบ เช่น ตู้คอนโทรล ตู้ควบคุมเครื่องจักร และตู้เก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า ออกแบบมาเพื่อปกป้องระบบไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ควบคุมต่างๆ จากฝุ่น ความชื้น น้ำฝน และแรงกระแทก โดยมีทั้งรูปแบบฝาเดียว และฝา 2 ชั้น ซึ่งเหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความทนทาน และตรวจสอบอุปกรณ์ภายในได้ง่าย
การเลือกใช้ตู้กระจกสแตนเลส
เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการ ความปลอดภัยสูง, สามารถ ตรวจสอบอุปกรณ์ภายในได้ง่าย โดยไม่ต้องเปิดฝาตู้ และเหมาะสำหรับติดตั้งในพื้นที่ กลางแจ้งหรือโรงงานอุตสาหกรรมหนัก ที่มีฝุ่นละออง ความชื้น หรือสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ขณะที่ ตู้แบบฝาเดียว เหมาะสำหรับงานทั่วไปภายในอาคาร เช่น ห้องควบคุม ระบบไฟฟ้าขนาดเล็ก หรือพื้นที่ที่ไม่มีความเสี่ยงด้านสภาพอากาศมากนัก
รายละเอียดสินค้าและราคา
สินค้าและบทความใกล้เคียง
การเลือกใช้กระจกหรืออะคริลิคสำหรับฝาตู้สแตนเลส
ควรพิจารณาจากลักษณะการใช้งานและสภาพแวดล้อมภายนอก หากต้องการความแข็งแรง ทนต่อแรงกระแทกสูง ควรเลือก กระจกนิรภัย (Tempered Glass) ส่วนอะคริลิคมีน้ำหนักเบา และให้ความใสได้ดีเช่นกัน เหมาะกับพื้นที่ภายในอาคารหรือที่ไม่มีแรงกระแทกรุนแรง สำหรับการใช้งานภายนอกหรือพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยสูง แนะนำให้ใช้ กระจกนิรภัย เพื่อความทนทานและป้องกันการแตกร้าว
ตารางเปรียบเทียบ: ตู้สแตนเลส ฝาเดียว vs ฝา 2 ชั้น
| คุณสมบัติ | ฝาเดียว | ฝา 2 ชั้น |
|---|---|---|
| การป้องกันน้ำ/ฝุ่น (IP Rating) | ดี (ขึ้นกับซีลยางและโครงสร้าง) | ดีมาก (มีซีล 2 ชั้น เพิ่มความแน่นหนา) |
| ความปลอดภัยในการใช้งาน | พื้นฐาน เหมาะกับงานทั่วไป | สูง เหมาะกับงานควบคุมไฟฟ้าหรือระบบสำคัญ |
| การมองเห็นอุปกรณ์ภายใน | ต้องเปิดฝาตู้เพื่อดูอุปกรณ์ | มองผ่านฝานอกที่ใสได้ทันที ลดความเสี่ยงและเพิ่มความสะดวก |
| ความเหมาะสมในการใช้งานกลางแจ้ง | พอเหมาะ (ต้องมีหลังคาป้องกันเพิ่มเติม) | เหมาะมาก โดยเฉพาะรุ่นที่มีหลังคาเสริมในตัว |
| ต้นทุนผลิต | ต่ำกว่า | สูงกว่าเล็กน้อย (ขึ้นอยู่กับวัสดุฝาใส เช่น กระจกนิรภัยหรืออะคริลิค) |
| การซ่อมบำรุง/ตรวจเช็ก | ต้องเปิดฝาทุกครั้ง | ตรวจสอบผ่านฝาใสได้ ไม่ต้องเปิดฝาบ่อย |
ตู้กระจกสแตนเลส 2 ชั้น ชั้นดีกว่าฝาเดียวอย่างไร?
เพิ่มความปลอดภัย ฝาด้านนอกมักเป็นบานใส (กระจกหรืออะคริลิก) ช่วยให้มองเห็นอุปกรณ์ภายในโดยไม่ต้องเปิดฝาตู้ ลดความเสี่ยงในการสัมผัสกับระบบไฟฟ้าโดยตรง ตู้สแตนเลส
ป้องกันฝุ่นและน้ำซ้ำชั้น ซีลยางสองชั้นเพิ่มประสิทธิภาพในการกันน้ำ กันฝุ่น เหมาะสำหรับงานกลางแจ้งหรือในโรงงานที่มีฝุ่นละอองสูง
แยกพื้นที่ควบคุมและบำรุงรักษา ฝาด้านในสามารถล็อกแยกต่างหาก ช่วยให้ช่างเทคนิคเข้าถึงเฉพาะส่วนที่จำเป็นโดยไม่กระทบอุปกรณ์หลัก
รองรับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น ตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าแรงดันสูง หรืองานอุตสาหกรรมที่ต้องการการป้องกันหลายชั้น
ดูแลรักษาง่าย ฝาใสช่วยให้ตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ได้ง่ายโดยไม่ต้องเปิดตู้ ลดเวลาและความยุ่งยากในการตรวจเช็ก
การลดความเสี่ยงในการเปิดฝาตู้บ่อยครั้ง
การเลือกใช้ตู้ไฟสแตนเลสฝา 2 ชั้น ยังช่วย ลดความเสี่ยงในการเปิดฝาตู้บ่อยครั้ง ซึ่งอาจทำให้ฝุ่นหรือน้ำเข้าไปภายในตัวตู้ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการล้างพื้นหรือมีความชื้นสูง เช่น โรงงานแปรรูปอาหารหรือสถานีควบคุมกลางแจ้ง นอกจากนี้ การที่ฝานอกเป็น กระจกนิรภัยหรือแผ่นอะคริลิคใส ยังช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบสถานะของอุปกรณ์ได้รวดเร็ว โดยไม่รบกวนการทำงานของระบบไฟฟ้าภายใน
อีกหนึ่งข้อดีของตู้แบบฝา 2 ชั้นคือ การ เพิ่มความเป็นระเบียบและความปลอดภัย สำหรับระบบวงจรไฟฟ้าที่ต้องการการควบคุมและดูแลตลอดเวลา จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้เป็น ตู้คอนโทรล ตู้ควบคุมเครื่องจักร หรือศูนย์รวมระบบไฟฟ้าสำคัญ ในองค์กรอุตสาหกรรม
การสั่งผลิตตู้สแตนเลสกันน้ำ
การสั่งผลิตตู้กันน้ำต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ประเภทของตู้ (แขวนผนัง, ตั้งพื้น, มีหลังคา) ขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน, ประเภทประตู (บานเดี่ยวหรือบานคู่), มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น (IP Rating) ที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมการใช้งาน เช่น IP55, IP65 หรือ IP66 และวัสดุที่ใช้ (สแตนเลส 304 หรือ 316) ซึ่งขึ้นอยู่กับความทนทานต่อการกัดกร่อนและสารเคมีต่างๆ การเลือกตู้ไฟฟ้าที่ตรงกับความต้องการจะช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น.
| ข้อกำหนด | คำอธิบาย |
|---|---|
| 1. ประเภทของตู้ | – ตู้แขวนผนัง (Wall-Mounted): ติดตั้งบนผนัง ประหยัดพื้นที่ เหมาะกับอุปกรณ์ขนาดเล็กหรือในพื้นที่จำกัด – ตู้ตั้งพื้น (Floor-Standing): รองรับอุปกรณ์ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับโรงงานหรือสถานีไฟฟ้า – ตู้มีหลังคา (With Roof): เหมาะสำหรับการติดตั้งกลางแจ้ง ป้องกันน้ำฝนและแสงแดดได้ดี |
| 2. ขนาดของตู้ และฟังค์ชั่นเพิ่มเติม | ขนาดต้องพิจารณาจากอุปกรณ์ที่จะติดตั้ง เช่น ขนาดของแผงควบคุมไฟฟ้า, เครื่องมือ หรือวงจรไฟฟ้า รวมถึงพื้นที่ที่ใช้ติดตั้ง |
| 3. ประเภทประตู | – บานเดี่ยว (Single Door): เหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็กและใช้งานง่าย – บานคู่ (Double Door): เหมาะกับตู้ขนาดใหญ่ที่ต้องการเปิดกว้างเพื่อเข้าถึงอุปกรณ์ |
| 4. มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น (IP Rating) | – IP55: กันฝุ่นบางส่วนและน้ำที่มีแรงดันปานกลาง – IP66: ป้องกันฝุ่น 100% และกันน้ำแรงดันสูง |
| 5. วัสดุที่ใช้ | – สแตนเลส 304: เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป ทนทานต่อการกัดกร่อน |
โครงสร้างของตู้กระจกสแตนเลสฝา 2 ชั้น
ถูกออกแบบให้มีระบบซีลกันน้ำรอบประตูทั้งสองชั้น ทำให้ได้มาตรฐาน IP55, IP65 หรือ IP66 ตามลำดับ ซึ่งช่วยป้องกันน้ำ ฝุ่น และไอน้ำไม่ให้เข้าสู่ภายในตู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะกับการติดตั้งในสถานที่ที่มีโอกาสเจอฝน หรือมีการล้างพื้นที่ด้วยแรงดันน้ำ เช่น บริเวณรอบเครื่องจักร หรือภายนอกอาคาร อีกหนึ่งจุดเด่นคือ ฝาด้านหน้าแบบใส ช่วยเพิ่มความ สะดวกในการตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ไฟแสดงสถานะ, มิเตอร์วัดแรงดัน, หรือระบบ PLC โดยไม่ต้องเปิดตู้บ่อย ๆ จึงลดการสัมผัสและช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ภายในได้ในระยะยาว
ด้วยเหตุนี้ ตู้กันน้ำฝา 2 ชั้นจึงได้รับความนิยมในหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมอาหาร, เคมีภัณฑ์, โรงไฟฟ้า, สถานีควบคุมไฟฟ้า, และโซลาร์เซลล์ภายนอกอาคาร เพราะให้ความคงทน ความปลอดภัย และความสะดวกในการดูแลรักษาในระยะยาว: ☑ ตู้สแตนเลส
- การเลือกกระจกหรืออะคริลิค ยังต้องคำนึงถึงการ ป้องกันแสง UV และ ทนต่อสภาพอากาศ หากต้องติดตั้งกลางแจ้ง การเลือกใช้ อะคริลิค จะช่วยในการทนทานต่อรังสี UV และรักษาความใสได้นาน ในขณะที่กระจกนิรภัยนั้นเหมาะกับการป้องกัน ความปลอดภัยจากแรงกระแทก และทนต่อการใช้งานหนัก เช่น ในโรงงานหรือสถานีไฟฟ้าที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
หากต้องการ ความคมชัดสูง และ ทนทานต่ออุณหภูมิสูง กระจกนิรภัยจะตอบโจทย์มากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม อะคริลิค มีข้อดีที่น้ำหนักเบาและราคาถูกกว่ากระจก ทำให้เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่ไม่เสี่ยงต่อการได้รับแรงกระแทก
ผลงานสินค้าและบริการของเรา
เลือกตู้สแตนเลสแบบแขวนผนังหรือแบบตั้งพื้น แบบไหนเหมาะกับพื้นที่คุณ?
1. ตู้สแตนเลสแบบแขวนผนัง
เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัด: หากพื้นที่ที่ใช้งานไม่มาก เช่น ห้องที่มีขนาดเล็กหรือจำเป็นต้องประหยัดพื้นที่ ตู้แบบแขวนผนังสามารถช่วยให้พื้นที่การใช้งานส่วนอื่น ๆ ยังคงสะดวกสบายและไม่รบกวนการเคลื่อนไหว
ติดตั้งสะดวก: การติดตั้งบนผนังทำให้การติดตั้งง่ายและไม่ต้องใช้พื้นที่พื้นมาก
เหมาะกับพื้นที่ที่มีการทำความสะอาดบ่อย: เนื่องจากไม่ต้องวางตู้บนพื้น จึงช่วยให้การทำความสะอาดพื้นง่ายขึ้น ☑ รายละเอียดสินค้าและราคา
2. ตู้สแตนเลสแบบตั้งพื้น
เหมาะสำหรับการใช้งานที่มีความจุสูง: หากต้องเก็บอุปกรณ์ขนาดใหญ่หรือหลายรายการ ตู้แบบตั้งพื้นจะรองรับได้ดีเพราะมีขนาดและความจุที่มากกว่า
รองรับการใช้งานหนัก: ตู้แบบตั้งพื้นมักจะมีความทนทานมากขึ้น และเหมาะกับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่ต้องการความแข็งแรงสูง
การเข้าถึงง่าย: หากต้องการเก็บอุปกรณ์ที่ต้องการเข้าถึงบ่อย ๆ ตู้แบบตั้งพื้นจะสะดวกกว่าในการเปิดใช้งาน
สรุป:
เลือกตู้แขวนผนัง หากคุณมีพื้นที่จำกัด ต้องการการติดตั้งที่สะดวกและทำความสะอาดง่าย
เลือกตู้ตั้งพื้น หากคุณต้องการความทนทานสูง มีความจุมากขึ้น หรือใช้งานในพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวหรือการใช้งานที่ต้องการความแข็งแรง
การเลือกใช้งานตู้ที่เหมาะสมกับพื้นที่และความต้องการของคุณจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานและช่วยให้คุณจัดระเบียบได้ดีขึ้น!
สอบถามและปรึกษาเกี่ยวกับสินค้าได้โดยตรง
บริการนำเข้าทางเครื่องบิน (Air Freight)
มีสต็อกพร้อมส่งในประเทศ รองรับการใช้งานได้ทันที
✅ จัดส่งได้ทันทีภายใน 1–2 วันทำการ
✅ ปริมณฑล และต่างจังหวัด 2-3 วันทำการ (ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการขนส่งเอกชน) **สามารถระบุได้
สั่งผลิตตามขนาดและความต้องการใช้งานได้
✅เลือกขนาดได้อิสระ: กำหนด ความกว้าง x ความสูง x ความลึก ตามพื้นที่ใช้งาน








