รางกระดูกงูร้อยสายไฟสแตนเลส
รางกระดูกงูร้อยสายไฟสแตนเลส 210 & 304 คืออุปกรณ์จัดการและป้องกันสายไฟหรือท่อที่ต้องเคลื่อนที่ตามแนวเส้นทางต่าง ๆ โดยเฉพาะในระบบอุตสาหกรรมที่มีการเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ เช่น แขนกล, เครื่องจักร CNC, หรือสายพานลำเลียง รางสำหรับจัดระเบียบและปกป้องสายไฟหรือสายสัญญาณในระบบเครื่องจักรที่มีการเคลื่อนไหว โดยผลิตจาก สแตนเลสเกรด 210 ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของ ความแข็งแรง น้ำหนักเบากว่าเกรด 304 และสามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการกัดกร่อนน้อยถึงปานกลางได้ดี
รางกระดูกงูร้อยสายไฟสแตนเลส ใช้ทำอะไร?
รางใช้สำหรับป้องกันและจัดระเบียบสายไฟหรือท่อที่ต้องเคลื่อนไหวตามแนวทางในระบบอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น แขนกล, เครื่อง CNC หรือสายพานลำเลียง โดยช่วยลดความเสียหายจากแรงดึง บิด หรือสั่นสะเทือน ตัวรางผลิตจากสแตนเลสที่มีความแข็งแรง ทนต่อสนิม และการกัดกร่อน จึงเหมาะกับงานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้น สารเคมี หรือความร้อนสูง ทำให้อุปกรณ์มีอายุการใช้งานยาวนาน และช่วยให้การดูแลระบบสายไฟมีประสิทธิภาพมากขึ้น
รายละเอียดสินค้าและราคา
สินค้าและบทความใกล้เคียง
รางกระดูกงูสแตนเลสรองรับน้ำหนักของสายไฟขนาดใหญ่
สามารถรองรับน้ำหนักของสายไฟหรือท่อขนาดใหญ่ได้ดี โดยไม่เสียรูปทรงแม้ใช้งานในระยะทางที่ยาวหรือมีการเคลื่อนไหวบ่อยครั้ง ด้วยคุณสมบัติป้องกันสนิมและทนต่อแรงกระแทกสูง จึงเหมาะสำหรับอุตสาหกรรมหนัก เช่น โรงหลอมโลหะ, โรงงานเคมี, หรืออุตสาหกรรมอาหารและยา ที่ต้องการความสะอาดและความปลอดภัยสูง รางสามารถปรับขนาดความกว้าง ความสูง และความยาวได้ตามต้องการ เพื่อให้เข้ากับการใช้งานเฉพาะจุดได้อย่างลงตัว ลดเวลาในการซ่อมบำรุง และเพิ่มความเป็นระเบียบให้กับระบบโดยรวม
ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติของ สแตนเลส 210/304
| คุณสมบัติ | สแตนเลส 210 | สแตนเลส 304 |
|---|---|---|
| ทนทานต่อการกัดกร่อน | ปานกลาง | สูงมาก |
| เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อม | ใช้งานทั่วไป, สภาพแวดล้อมที่ไม่รุนแรง | สภาพแวดล้อมที่มีการสัมผัสน้ำหรือสารเคมี |
| ราคา | ราคาถูกกว่า | ราคาสูงกว่า |
| ความทนทานต่อการสนิม | ต่ำกว่า 304 | สูงมาก |
| การใช้งานที่เหมาะสม | งานที่ไม่ต้องการทนทานต่อการกัดกร่อนสูง | งานในอุตสาหกรรมอาหาร, เคมี, หรือสภาพแวดล้อมที่รุนแรง |
| ความสามารถในการขึ้นรูป | ง่ายต่อการขึ้นรูป | สามารถขึ้นรูปได้ดี แต่ยากกว่าสแตนเลส 210 |
สามารถปรับขนาดความกว้างได้ตามความต้องการของงาน
สามารถเลือกใช้ความกว้างและความสูงภายในที่เหมาะสมกับจำนวนและขนาดของสายไฟหรือท่อที่ต้องการร้อยผ่าน ช่วยให้การจัดระเบียบสายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
รางกระดูกงูสแตนเลส ไม่เกิดการเสียดสีหรือพันกันในระหว่างการใช้งาน นอกจากนี้ยังสามารถเลือกประเภทของแผ่นรองรับสาย (Supporting Plate) ได้หลากหลาย ช่น แบบแผ่นเรียบ, แบบมีร่อง หรือแบบช่อง เพื่อรองรับสายแต่ละชนิดได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย ยืดอายุการใช้งานของทั้งสายไฟและตัวรางอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
รางกระดูกงูร้อยสายไฟสแตนเลส 210 หรือ 304 ?
สแตนเลส 304: ทนทานต่อการกัดกร่อนสูง เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีการสัมผัสกับน้ำ, สารเคมี, หรือการกัดกร่อนจากอากาศ
มักใช้ในงานอุตสาหกรรมที่ต้องการการป้องกันการเกิดสนิมสูง เช่น งานอาหาร, การแพทย์, หรือการผลิตที่มีความเสี่ยงจากสารเคมี
สแตนเลส 210: ราคาถูกกว่า 304 แต่ยังคงมีความทนทานต่อการกัดกร่อนในระดับหนึ่ง เหมาะกับงานที่ไม่ต้องการคุณสมบัติการป้องกันการกัดกร่อนสูงสุด
เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ไม่รุนแรงเท่ากับสแตนเลส 304
วัสดุที่ใช้ในการผลิตรางกระดูกงูมีหลากหลายชนิด
วัสดุหลัก 3 ประเภท ได้แก่ พลาสติก (PA6), เหล็กกัลวาไนซ์, และสแตนเลส โดยแต่ละวัสดุมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน พลาสติกมีน้ำหนักเบาและทนทานต่อการเสียดสี เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป รางเหล็กกัลวาไนซ์เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง และรางสแตนเลสมีความแข็งแรงสูง ทนทานต่อสารเคมีและความร้อน เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีความรุนแรงหรือสารเคมี
| ข้อกำหนด | คำอธิบาย |
|---|---|
| ประเภทของกระดูกงู | – แบบโปร่ง (Open Type): เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ไม่มีสารเคมีหรือฝุ่นสะสม ระบายอากาศดีและสามารถดูแลรักษาได้ง่าย |
| – แบบปิดทึบ (Fully Enclosed): ป้องกันฝุ่นและสารเคมีจากภายนอก เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่ต้องการป้องกันการปนเปื้อนและความเสียหายจากสภาพแวดล้อมที่รุนแรง | |
| – แบบทึบบนโปร่งล่าง (Semi-Enclosed): เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการการระบายอากาศในระดับหนึ่ง เช่น พื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวบ่อยครั้ง และยังสามารถป้องกันฝุ่นจากด้านบนได้ | |
| วัสดุที่ใช้ | – พลาสติก PA6: น้ำหนักเบา ทนทานต่อการเสียดสี เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นสารเคมีหรือฝุ่นละออง |
| – เหล็กชุบกัลวาไนซ์สตีล : ทนทานต่อการกัดกร่อน เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความทนทานสูงและสามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมีหรือฝุ่น | |
| – สแตนเลส (Stainless Steel): แข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อนและสารเคมีสูง เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมีหรือความร้อนสูง | |
| การปรับขนาดรางและเพลท | – เหล็กชุบกัลวาไนซ์สตีล: สามารถการออกแบบรางและ Plate ให้สามารถปรับขนาดได้หลากหลาย ทั้งความกว้าง ความสูง และความยาวของราง รองรับสายไฟและท่อหลากหลายขนาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
| – สแตนเลส (Stainless Steel): สามารถออกแบบรางและ Plate ได้เหมือนรางเหล็ก |
ทำไมรางกระดูกงูร้อยสายไฟสแตนเลสถึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
Stainless Steel Cable Drag Chain ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในหลายๆ การใช้งาน เนื่องจากมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการทำงานที่หลากหลาย โดยเฉพาะในงานอุตสาหกรรมที่ต้องการความทนทานสูง และการป้องกันการกัดกร่อนจากสารเคมีหรือความร้อน
ทนทานต่อการกัดกร่อน: สแตนเลสมีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนจากน้ำ, สารเคมี และสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เช่น ในอุตสาหกรรมเคมี หรือโรงงานที่สัมผัสกับน้ำและสารเคมีได้บ่อยครั้ง
ทนความร้อนสูง: สแตนเลสสามารถทนความร้อนได้ดี จึงเหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง เช่น โรงงานที่มีการผลิตในอุณหภูมิสูงหรือระบบที่ต้องสัมผัสกับความร้อนจากเครื่องจักร
แข็งแรงและทนทาน: สแตนเลสสามารถรองรับการใช้งานที่มีการสั่นสะเทือนหรือแรงกระแทกได้ดี ช่วยป้องกันไม่ให้สายไฟเกิดการเสียหายจากการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
อายุการใช้งานยาวนาน: ด้วยคุณสมบัติที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมและการใช้งานหนัก รางกระดูกงู สแตนเลสจึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าเมื่อเทียบกับวัสดุอื่น ๆ เช่น พลาสติกหรือเหล็ก
บำรุงรักษาง่าย: มีพื้นผิวที่เรียบและไม่เกิดสนิมง่าย ทำให้การบำรุงรักษาง่ายและลดการเสียหายจากการกัดกร่อนเมื่อเทียบกับวัสดุอื่น ๆ ที่อาจต้องการการดูแลบำรุงรักษามากขึ้น
ผลงานสินค้าและบริการของเรา
วิธีการเลือกขนาดรางกระดูกงูร้อยสายไฟสแตนเลส
การเลือกขนาดรางสำหรับระบบสายไฟเป็นกระบวนการที่สำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์สามารถรองรับสายไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย นี่คือวิธีการเลือกขนาดที่เหมาะสม:
พิจารณาขนาดของสายไฟ: เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบขนาดของสายไฟที่ต้องการใช้งาน เช่น ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหรือความหนาของสายไฟ โดยต้องคำนึงถึงจำนวนสายไฟที่ต้องการจัดเก็บภายในรางด้วย
คำนวณพื้นที่ภายในราง: ขนาดต้องเพียงพอที่จะรองรับสายไฟทั้งหมด โดยคำนวณพื้นที่ภายในที่สามารถจัดเก็บสายไฟได้สะดวกโดยไม่ทำให้สายไฟบิดงอหรือถูกบีบให้แน่นเกินไป ควรเว้นช่องว่างระหว่างสายไฟเพื่อป้องกันการเกิดความร้อนสะสม
พิจารณาค่าการบิดตัว (Bending Radius): มีค่าการบิดตัวที่จำกัด ซึ่งหมายถึงความโค้งที่รางสามารถรับได้โดยไม่ทำให้สายไฟเกิดความเสียหายหรือบิดงอ ควรเลือกขนาดที่มีค่าการบิดตัวที่เหมาะสมตามความต้องการในการติดตั้งและการเคลื่อนไหวของระบบ
พิจารณาความยาวของราง: เลือกขนาดที่สามารถรองรับระยะทางการเดินสายไฟได้อย่างเหมาะสม ความยาวของรางควรคำนึงถึงระยะทางจากต้นทางไปยังปลายทางของระบบสายไฟ
ทนทานต่อสภาพแวดล้อม: หากระบบต้องใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมีหรือความร้อนสูง ควรเลือกใช้รางที่มีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อนและความร้อนสูง โดยสแตนเลส 304 หรือ 316 จะเหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีความทนทานต่อสารเคมี
ทบทวนข้อกำหนดทางด้านการติดตั้ง: ขนาดของรางควรพิจารณาจากวิธีการติดตั้ง เช่น การติดตั้งในพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวหรือต้องรองรับน้ำหนักเพิ่มเติม การเลือกขนาดที่เหมาะสมจะช่วยให้การติดตั้งราบรื่นและการบำรุงรักษาสะดวก
สอบถามและปรึกษาเกี่ยวกับสินค้าได้โดยตรง
บริการนำเข้าทางเครื่องบิน (Air Freight)
มีสต็อกพร้อมส่งในประเทศ รองรับการใช้งานได้ทันที
✅ จัดส่งได้ทันทีภายใน 1–2 วันทำการ
✅ ปริมณฑล และต่างจังหวัด 2-3 วันทำการ (ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการขนส่งเอกชน) **สามารถระบุได้
สั่งผลิตตามขนาดและความต้องการใช้งานได้
✅เลือกขนาดได้อิสระ: กำหนด ความกว้าง x ความสูง x ความลึก ตามพื้นที่ใช้งาน







