เคเบิ้ลแกลนด์ราคา | สแตนเลส 304
เคเบิ้ลแกลนด์ราคา สแตนเลส 304 คือ อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับ ยึดและป้องกันสายไฟหรือสายเคเบิล ที่เข้าสู่กล่องควบคุม หัวต่อ หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ โดยทำจากวัสดุ สแตนเลสเกรด 304 ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นคือ ไม่เป็นสนิม ทนทานต่อการกัดกร่อน และทนความร้อน ป้องกันสายไฟให้ปลอดภัยจากการดึง แรงสั่นสะเทือน หรือความชื้น ใช้งานในอุตสาหกรรมที่ต้องการความทนทานสูง เช่น อุตสาหกรรมอาหาร เคมี หรือบริเวณที่มีความชื้นและการกัดกร่อนสูง เนื่องจากสแตนเลส 304 มีคุณสมบัติต้านทานสนิมได้ดี
เคเบิ้ลแกลนด์สแตนเลสใช้กับงานใกล้ทะเลได้ไหม?
สแตนเลส 304 สามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมใกล้ทะเลได้ดี เนื่องจากสแตนเลส 304 มีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนจากน้ำเค็มและความชื้น เหมาะสำหรับการติดตั้งในโรงงาน หรืออุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ทะเล แต่หากงานอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีการสัมผัสกับน้ำทะเลโดยตรงหรือสารเคมีแรง ๆ ควรเลือก สแตนเลส 316 ซึ่งทนต่อการกัดกร่อนมากกว่า สแตนเลส 304 สามารถทนทานได้ดีในระดับปานกลาง แต่หากต้องการความทนทานที่สูงกว่าในการใช้งานกลางแจ้งใกล้ทะเล 316 จะดีกว่าในแง่ของการป้องกันสนิมและการกัดกร่อนจากเกลือทะเล
รายละเอียดสินค้าและราคา
สินค้าและบทความใกล้เคียง
ตัวกำหนดเคเบิ้ลแกลนด์ราคา (Pricing Factors)
เกลียวขนาดใหญ่หรือประเภทพิเศษอาจต้องใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติพิเศษหรือทนทานสูงขึ้น เช่น สแตนเลส 316 หรือวัสดุที่มีความแข็งแรงสูง เพื่อรองรับแรงดันหรือสภาพแวดล้อมที่รุนแรง ซึ่งเพิ่มต้นทุนการผลิตอีกด้วย ในขณะที่เกลียวมาตรฐาน เช่น M12 หรือ M16 สามารถผลิตได้ในปริมาณมากและใช้วัสดุมาตรฐาน ทำให้ราคาถูกกว่า นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาถึงขั้นตอนการตรวจสอบและทดสอบคุณภาพที่เพิ่มขึ้นในกรณีของเกลียวพิเศษที่ไม่ใช่มาตรฐาน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสูงขึ้นตามไปด้วย
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่าง 304 VS 316
| คุณสมบัติ | สแตนเลส 304 | สแตนเลส 316 |
|---|---|---|
| วัสดุ | สแตนเลสเกรด 304 | สแตนเลสเกรด 316 |
| ความทนทานต่อการกัดกร่อน | ทนทานต่อการกัดกร่อนจากความชื้นทั่วไป แต่ไม่ทนทานมากต่อสารเคมีหรือความเค็มสูง | ทนทานต่อการกัดกร่อนจากน้ำทะเลและสารเคมีรุนแรง เนื่องจากส่วนผสมของโมลิบดีนัม |
| ราคา | ราคาถูกกว่า | ราคาสูงกว่า |
| การใช้งานทั่วไป | งานทั่วไปภายใน เช่น โรงงาน, สำนักงาน | งานที่ต้องทนทานกับน้ำทะเลหรือสารเคมี เช่น ท่าเรือ, อุตสาหกรรมเคมี |
| ทนต่อการกัดกร่อนจากน้ำเค็ม | ไม่เหมาะสมสำหรับการใช้งานใกล้ทะเล | ทนทานต่อการกัดกร่อนจากน้ำทะเลได้ดี |
| ความทนทานต่อสารเคมี | ทนต่อสารเคมีทั่วไป เช่น กรดอ่อนๆ | ทนต่อสารเคมีรุนแรง เช่น กรดด่าง หรือสารเคมีในอุตสาหกรรม |
304 เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ไม่รุนแรง เช่น โรงงานภายในหรือพื้นที่ที่ไม่ต้องสัมผัสกับน้ำทะเล
316 เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีการสัมผัสกับน้ำเค็มหรือสารเคมีรุนแรง เช่น การติดตั้งในพื้นที่ใกล้ทะเล หรือโรงงานอุตสาหกรรมเคมี.
ตัวกำหนดราคา (Pricing Factors)
ขนาดและประเภทของเกลียว (Size & Thread Type)
ขนาดเกลียว: ขนาด เช่น M12, M16, M20 จะมีผลต่อต้นทุน เนื่องจากขนาดที่ใหญ่ขึ้นต้องใช้วัสดุมากขึ้นและการผลิตที่ซับซ้อนขึ้น เคเบิ้ลแกลน
ประเภทเกลียว: ประเภทของเกลียว (เช่น M-Type, PG, NPT) จะมีความแตกต่างในราคา เนื่องจากเกลียวประเภทต่าง ๆ ต้องใช้เทคนิคการผลิตที่แตกต่างกัน
มาตรฐานกันน้ำ (IP Rating) IP68: การให้การรับรองมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น (Ingress Protection) จะเพิ่มต้นทุนในการผลิตและทดสอบ ผลิตภัณฑ์ที่สามารถกันน้ำได้ดี
ความแตกต่างเคเบิ้ลแกลนด์ราคา 304 กับ 316
คุณสมบัติ:
วัสดุ: สแตนเลส 304 เป็นเกรดที่ใช้ในงานทั่วไป มีความทนทานต่อการกัดกร่อนจากสิ่งแวดล้อมทั่วไป
ความทนทาน: ทนทานต่อการกัดกร่อนจากน้ำหรือความชื้นทั่วไป เช่นในโรงงานหรือสำนักงานที่ไม่ต้องสัมผัสกับสารเคมีหรือสภาพแวดล้อมที่มีความเค็มสูง
ราคาถูกกว่า: เมื่อเทียบกับ 316 จะมีราคาถูกกว่า เนื่องจากการผลิตและวัสดุไม่ซับซ้อน
การใช้งาน: เหมาะสำหรับการใช้งานภายในหรือในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีการสัมผัสน้ำทะเลหรือสารเคมีที่รุนแรง
ปัจจัยนี้มีอิทธิพลต่อเคเบิ้ลแกลนด์ราคา
ปัจจัยหลายประการมีอิทธิพลต่อราคาของ Cable gland เช่น ขนาดและประเภทเกลียว, วัสดุที่ใช้, การออกแบบ, และกระบวนการผลิต ขนาดและประเภทเกลียวที่ต่างกันส่งผลให้กระบวนการผลิตซับซ้อนมากขึ้น เช่น เกลียวขนาดใหญ่หรือประเภทพิเศษจะมีราคาแพงกว่า เนื่องจากต้องใช้วัสดุมากขึ้นและกระบวนการที่ละเอียดกว่า วัสดุที่ทนทาน เช่น สแตนเลส 316 หรือทองเหลืองจะมีราคาสูงกว่าวัสดุพลาสติกหรือสแตนเลส 304 นอกจากนี้การออกแบบที่มีคุณสมบัติป้องกันการกัดกร่อนหรือทนความร้อนสูงก็จะเพิ่มราคาของผลิตภัณฑ์เช่นกัน.
2.1 สแตนเลส (Stainless Steel)
สแตนเลส 304: เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนจากความชื้นทั่วไป มีความนิยมสูงในงานที่ไม่ต้องสัมผัสกับสารเคมีรุนแรงหรือสภาพแวดล้อมที่มีความเค็มสูง ราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับวัสดุอื่น ๆ เนื่องจากมีการผลิตที่ง่ายและวัสดุที่ใช้มีราคาต่ำกว่า
สแตนเลส 316: มีส่วนผสมของโมลิบดีนัม (Mo) ซึ่งทำให้ทนทานต่อการกัดกร่อนจากน้ำทะเลและสารเคมีรุนแรง เช่น กรดหรือด่าง ราคา: ราคาสูงกว่า 304 เนื่องจากวัสดุที่ใช้และกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนกว่า
2.2 ทองเหลือง (Brass) ทองเหลืองมีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อน และเหมาะสำหรับใช้ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง เช่น ในอุตสาหกรรมที่ต้องการความต้านทานต่อการกัดกร่อนที่สูง ราคา: ราคาสูงกว่าสแตนเลส 304 เนื่องจากทองเหลืองมีต้นทุนที่สูงกว่าและการผลิตที่ซับซ้อนมากขึ้น
2.3 พลาสติก (Plastic) PA66 (Polyamide 66): วัสดุพลาสติกที่ทนทานต่อการกัดกร่อนและอุณหภูมิสูง ใช้ในที่ต้องการน้ำหนักเบาและมีความทนทานต่อการกัดกร่อนในบางสภาพแวดล้อมราคา: ราคาถูกกว่าโลหะ เช่น สแตนเลสหรือทองเหลือง เพราะการผลิตง่ายกว่าและมีต้นทุนวัสดุต่ำ
ราคาเคเบิ้ลแกลนขึ้นกับขนาดและประเภทเกลียว (Size & Thread Type)
ขนาดและประเภทเกลียวที่แตกต่างกันมีผลโดยตรงต่อกระบวนการผลิตและต้นทุนวัสดุ โดยขนาดที่ใหญ่ต้องใช้วัสดุมากขึ้นและกระบวนการผลิตซับซ้อนกว่า ซึ่งทำให้ราคาสูงขึ้น เช่น ขนาดเกลียว M25 หรือขนาดที่ไม่เป็นมาตรฐานมักต้องใช้เครื่องจักรที่มีความละเอียดสูงและมีขั้นตอนการผลิตที่ยาวนานกว่าเกลียวขนาดเล็ก นอกจากนี้ เกลียวประเภทพิเศษเช่น NPT หรือ PG ก็มีราคาสูงกว่าเนื่องจากต้องมีการผลิตที่ซับซ้อนและมีข้อกำหนดเฉพาะตามมาตรฐานที่ต้องปฏิบัติตาม
ขนาดของเกลียว (Size):
ขนาดเกลียวที่แตกต่างกัน เช่น M12, M16, M20, M25, PG และ NPT มีผลต่อราคา เนื่องจาก ขนาดที่ใหญ่ขึ้น ต้องใช้วัสดุมากขึ้นในการผลิต และกระบวนการผลิตจะซับซ้อนขึ้น
ขนาดที่เล็ก เช่น M12 หรือ M16 จะมีราคาถูกกว่าเพราะกระบวนการผลิตที่ง่ายกว่า ใช้วัสดุน้อยกว่า และสามารถผลิตได้ในจำนวนมาก เคเบิ้ลแกลน
ขนาดใหญ่ เช่น M25 หรือขนาดที่ไม่เป็นมาตรฐานจะมีราคาแพงกว่า เพราะการผลิตที่ต้องใช้เครื่องจักรที่มีความซับซ้อนมากขึ้น รวมทั้งอาจต้องมีการออกแบบที่เฉพาะเจาะจง
ประเภทของเกลียว (Thread Type):
เกลียว M (Metric): เกลียวมาตรฐานที่ใช้ในประเทศส่วนใหญ่ ราคามักจะถูกกว่าเกลียวประเภทอื่น ๆ เนื่องจากเป็นมาตรฐานที่ผลิตได้ง่ายและมีปริมาณการผลิตสูง
เกลียว PG : ใช้ในบางประเทศและมีลักษณะการออกแบบที่แตกต่างจากเกลียว M
เกลียว NPT (National Pipe Thread): เป็นเกลียวที่ใช้ในประเทศที่ใช้มาตรฐาน NPT เช่นในสหรัฐอเมริกา มีราคาสูงกว่ามาตรฐาน M และ PG เนื่องจากต้องใช้กระบวนการผลิตที่เฉพาะเจาะจงและมีข้อกำหนดที่เข้มงวด
ผลงานสินค้าและบริการของเรา
วิธีเลือกขนาดเคเบิ้ลแกลนด์ราคาสแตนเลสให้พอดีกับสายไฟ
- 1. วัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของสายไฟ วัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของสายไฟที่ต้องการใช้งาน โดยใช้เครื่องมือที่แม่นยำ เช่น ไม้บรรทัดหรือเวอร์เนียร์ เพื่อวัดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของสายไฟ โดยต้องรวมถึงฉนวนหุ้มสายไฟด้วย
- 2. เลือกขนาดที่ตรงกับขนาดสายไฟ จะมีช่วงขนาดที่รองรับสายไฟหลายขนาด ดังนั้นควรเลือก ที่มีช่วงขนาด (range) ที่สามารถรองรับสายไฟ ของคุณได้พอดี โดยขนาดจะต้องใหญ่พอที่จะยึดจับสายไฟให้มั่นคง แต่ไม่หลวมเกินไปจนทำให้มีช่องว่างมากเกินไป
- 3. คำนึงถึงประเภทของสายไฟ หากสายไฟมีขนาดใหญ่หรือมีหลายสายอยู่ในท่อเดียวกัน อาจต้องใช้ ขนาดใหญ่ขึ้น หรือ ที่ออกแบบมาให้รองรับสายไฟหลายเส้น เพื่อลดแรงเสียดทานและเพิ่มการยึดจับที่มั่นคง หากเป็นสายไฟที่มีฉนวนหนา ควรเลือกขนาดที่ใหญ่กว่าขนาดของสายไฟที่วัดได้เล็กน้อยเพื่อรองรับพื้นที่ของฉนวน
- 4. ตรวจสอบค่ามาตรฐานและการรับรอง ตรวจสอบว่า เลือกมีการรับรองมาตรฐาน เช่น IP (Ingress Protection) หรือ UL (Underwriters Laboratories) เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมและการใช้งานที่ต้องการได้ ควรเลือกที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม เช่น หากติดตั้งในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงหรือใกล้น้ำ ควรเลือกเกลียวที่ทนทานต่อการกัดกร่อน
- 5. คำนึงถึงความยืดหยุ่นและการบีบอัดของสายไฟ เมื่อเลือกขนาดควรพิจารณาความยืดหยุ่นของสายไฟ เช่น หากเป็นสายไฟที่มีการบีบอัดได้ ควรเลือกขนาดที่พอดีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการบีบอัดเกินไปจนทำให้การเดินสายไม่สะดวกหรือเกิดการเสี
สอบถามและปรึกษาเกี่ยวกับสินค้าได้โดยตรง
บริการนำเข้าทางเครื่องบิน (Air Freight)
มีสต็อกพร้อมส่งในประเทศ รองรับการใช้งานได้ทันที
✅ จัดส่งได้ทันทีภายใน 1–2 วันทำการ
✅ ปริมณฑล และต่างจังหวัด 2-3 วันทำการ (ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการขนส่งเอกชน) **สามารถระบุได้
สั่งผลิตตามขนาดและความต้องการใช้งานได้
✅เลือกขนาดได้อิสระ: กำหนด ความกว้าง x ความสูง x ความลึก ตามพื้นที่ใช้งาน











