M25x1.5 เคเบิลแกลนสแตนเลส 304
เคเบิลแกลนสแตนเลส M25x1.5 คืออุปกรณ์สำหรับยึดและป้องกันสายไฟที่มีขนาดเกลียว Metric (M) ขนาด 25 มม. โดยมีระยะห่างของเกลียว 1.5 มม. ผลิตจากวัสดุ สแตนเลสเกรด 304 (Stainless Steel 304) ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อน ความร้อน รองรับสายไฟ: โดยทั่วไปรองรับสายไฟขนาดประมาณ 13-18 มม. (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) การป้องกัน IP68: ป้องกันฝุ่นและน้ำได้อย่างดีเยี่ยม เหมาะกับตู้ควบคุมไฟ, อุปกรณ์เครื่องกล, และงานอุตสาหกรรม
คุณสมบัติกันสนิมของเคเบิลแกลนสแตนเลส
Cable Gland สแตนเลส 304 เหมาะสำหรับพื้นที่ทั่วไป เช่น โรงงานอุตสาหกรรม, ตู้ควบคุมกลางแจ้ง หรือบริเวณที่ไม่มีสารเคมีรุนแรงหรือไอเกลือมากนัก เนื่องจากมีคุณสมบัติกันสนิมในระดับดีเยี่ยมและทนต่อการกัดกร่อนได้ในระดับมาตรฐาน ส่วน 316L เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ใกล้ทะเล, ห้องเย็น, อุตสาหกรรมเคมี, โรงกลั่น หรือคลังน้ำยา เนื่องจากมีส่วนผสมของ โมลิบดีนัม (Mo) เพิ่มความสามารถในการต้านการกัดกร่อนจากไอเค็มและกรดได้ดีกว่า 304 ช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานในพื้นที่ที่มีความรุนแรงต่อวัสดุโลหะทั่วไป.
รายละเอียดสินค้าและราคา
สินค้าและบทความใกล้เคียง
ความทนทานในพื้นที่ใกล้ทะเลหรือบริเวณที่มีไอเกลือสูง
สามารถใช้งานในพื้นที่ใกล้ทะเลหรือบริเวณที่มีไอเกลือสูง โลหะทั่วไปมักเกิดสนิมและกัดกร่อนอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องเลือกใช้ สแตนเลส 316L ซึ่งทนต่อการกัดกร่อนจากคลอไรด์ได้ดีกว่า 304 มาก เหมาะสำหรับงานติดตั้งบนเรือ, ท่าเรือ, โรงไฟฟ้าริมทะเล หรือโครงการโซลาร์เซลล์ริมชายฝั่ง ในขณะที่ สแตนเลส 304 เหมาะกับการติดตั้งทั่วไป เช่น ตู้คอนโทรลในโรงงาน, อาคารสำนักงาน, หรือโครงสร้างเหล็กภายในอาคาร เนื่องจากราคาประหยัดกว่าและมีความทนทานที่เพียงพอในสภาพแวดล้อมไม่รุนแรง การเลือกให้เหมาะสมกับพื้นที่ใช้งานจะช่วยลดต้นทุนระยะยาว และป้องกันปัญหาการผุกร่อนของอุปกรณ์ไฟฟ้า
ตารางขนาดเพิ่มเติมเคเบิ้ลแกลน M25x1.5
| รายการ | รายละเอียด |
|---|---|
| ประเภทเกลียว | Metric Thread (เกลียวมาตรฐานสากล) |
| ขนาดเกลียว | M25 x 1.5 (เส้นผ่านศูนย์กลาง 25 มม., ระยะห่างเกลียว 1.5 มม.) |
| วัสดุ | สแตนเลส 304 (Stainless Steel 304) |
| ช่วงขนาดสายที่รองรับ | ประมาณ Ø13 – Ø18 มม. (ขึ้นอยู่กับผู้ผลิต) |
| มาตรฐานป้องกันฝุ่น-น้ำ | IP68 |
| ทนต่ออุณหภูมิ | โดยทั่วไป -40°C ถึง +100°C หรือมากกว่าตามซีล |
| เหมาะสำหรับ | งานอุตสาหกรรม, เครื่องจักร, โซลาร์เซลล์, ตู้ควบคุมไฟฟ้า, กล่องกันน้ำ |
การเลือกใช้งานระหว่างเคเบิลแกลน 304 และ 316L
การเลือกใช้งานระหว่าง 304 และ 316L ยังขึ้นอยู่กับ งบประมาณและความถี่ในการบำรุงรักษา หากเป็นพื้นที่ที่เข้าถึงยากหรือไม่สามารถบำรุงรักษาได้บ่อย เช่น บนเสาสูง, ในอุโมงค์, หรือในระบบใต้ดิน ควรเลือกใช้ 316L เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเปลี่ยนอะไหล่หรือเกิดสนิมที่มองไม่เห็น ในทางกลับกัน หากเป็นพื้นที่ที่สามารถดูแลรักษาได้ง่าย และไม่มีสารกัดกร่อนโดยตรง 304 ก็ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและแข็งแรงพอสมควร โดยรวมแล้วการเข้าใจลักษณะพื้นที่ใช้งานและสิ่งแวดล้อมรอบด้าน จะช่วยให้เลือกวัสดุได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งในแง่ของความปลอดภัย ความทนทาน และต้นทุนในระยะยาว
จุดเด่นของ M25x1.5 Stainless Cable Gland
ขนาดเกลียว M25x1.5: เป็นมาตรฐานสากล (Metric) ที่ใช้งานแพร่หลายในการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า
วัสดุสแตนเลส 304: ทนต่อสนิมและการกัดกร่อน เหมาะสำหรับใช้งานภายนอกหรือในพื้นที่ที่มีความชื้นหรือไอเคมี
การป้องกัน IP68: ป้องกันฝุ่นและน้ำได้อย่างดีเยี่ยม เหมาะกับตู้ควบคุมไฟ, อุปกรณ์เครื่องกล, และงานอุตสาหกรรม
รองรับสายไฟ: โดยทั่วไปรองรับสายไฟขนาดประมาณ 13-18 มม. (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) เคเบิ้ลแกลนสแตนเลส
การใช้งาน: ใช้ยึดสายไฟให้แน่น ป้องกันการหลุดหรือขยับ ช่วยป้องกันน้ำและฝุ่นเข้าสู่ภายในอุปกรณ์
ข้อได้เปรียบของการเลือกใช้ Cable Gland สแตนเลส
อีกหนึ่งข้อได้เปรียบของการเลือกใช้ 316L คือสามารถใช้งานได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มี อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงบ่อย หรือมีความชื้นสูงตลอดเวลา โดยที่ยังคงรักษาความแข็งแรงและไม่เกิดสนิมฝังลึก ขณะที่ 304 แม้จะทนต่อสนิมได้ดี แต่หากใช้งานในพื้นที่ที่มีความเป็นกรด-ด่างหรือเกลือสะสมสูง อาจทำให้เกิดจุดกัดกร่อน (pitting corrosion) ได้ในระยะยาว นอกจากนี้ 316L ยังเป็นตัวเลือกยอดนิยมใน อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เนื่องจากมีความปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมีในกระบวนการผลิต รวมถึงเหมาะกับ อุตสาหกรรมยาและโรงพยาบาล ที่ต้องการวัสดุสะอาดและไม่เป็นสนิมแม้ใช้กับน้ำยาฆ่าเชื้อบ่อยครั้ง.
ทนทานต่อการกัดกร่อน
304: ทนต่อการกัดกร่อนจากกรดอ่อนและสารเคมีทั่วไป เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ไม่รุนแรงนัก เช่น โรงงานทั่วไป หรือระบบไฟฟ้าในอาคาร
316L: ทนต่อการกัดกร่อนที่รุนแรงมากขึ้น เช่น ไอเกลือและสารเคมีที่มีความเค็มสูง ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงหรือบริเวณใกล้ทะเล
ความทนทานต่ออุณหภูมิสูงทั้ง 304 และ 316L มีความทนทานต่ออุณหภูมิสูงได้ดี โดย 316L ทนต่ออุณหภูมิได้ดีกว่าในกรณีที่ต้องสัมผัสกับสารเคมีหรือความร้อนสูง
ความแข็งแรง ทั้ง 304 และ 316L มีความแข็งแรงและความทนทานที่สูง สามารถใช้งานได้ดีในพื้นที่ที่มีการสั่นสะเทือนหรือแรงกระแทก
ต้านทานการกัดกร่อนจากคลอไรด์ 316L มีความทนทานต่อคลอไรด์หรือสารที่มีส่วนผสมของเกลือได้ดีกว่า 304 ซึ่งทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับพื้นที่ใกล้ทะเล
การบำรุงรักษาต่ำ ทั้ง 304 และ 316L ไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษาบ่อยครั้ง โดย 316L ให้ความปลอดภัยในการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความรุนแรงมากขึ้น
อายุการใช้งานยาวนาน สแตนเลส 304 มีอายุการใช้งานที่ยาวนานในสภาพแวดล้อมทั่วไป ส่วน 316L มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากกว่าในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงหรือสารเคมีรุนแรง
เคเบิลแกลนสแตนเลส คืออะไร?
คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการยึดและป้องกันสายไฟหรือสายเคเบิลไม่ให้หลุดจากจุดที่ติดตั้ง รวมถึงการป้องกันความเสียหายจากความเค้นที่อาจเกิดขึ้นจากการดึงหรือขยับสายไฟ โดยช่วยป้องกันการเข้ามาของสิ่งสกปรก, น้ำ, และฝุ่นจากภายนอก ซึ่งช่วยให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของสายไฟ
คุณสมบัติ
ป้องกันการหลุดของสายไฟ: โดยการยึดสายไฟให้แน่น ไม่หลุดออกจากจุดเชื่อมต่อ
ป้องกันการเข้าไปของน้ำและฝุ่น: มีการออกแบบเพื่อให้ได้มาตรฐาน IP (Ingress Protection) ซึ่งช่วยป้องกันน้ำและฝุ่นจากการเข้าไปในสายไฟ
ความทนทาน: ผลิตจากวัสดุที่ทนทาน เช่น พลาสติก, สแตนเลส, หรือทองเหลือง ที่สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เช่น ความชื้น, อุณหภูมิสูง, หรือสารเคมี เคเบิ้ลแกลน
ป้องกันการลัดวงจร: บางรุ่นมีคุณสมบัติในการป้องกันการลัดวงจรภายในระบบไฟฟ้า
ติดตั้งง่าย: มีระบบที่ช่วยให้การติดตั้งและการบำรุงรักษาสะดวก
การเลือกใช้งาน จะต้องคำนึงถึงชนิดของเกลียวที่เหมาะสม (PG, M, NPT), ขนาดของสายไฟ และมาตรฐานการป้องกันที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน.
ผลงานสินค้าและบริการของเรา
การเลือกใช้งานเคเบิ้ลแกลน
เกลียวและขนาด: การเลือกขนาดต้องพิจารณาจากขนาดของสายไฟที่จะติดตั้ง โดยต้องมั่นใจว่าสามารถยึดสายไฟได้อย่างแน่นหนาและป้องกันการหลุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขนาดของเกลียว เช่น PG (เยอรมัน), M (มาตรฐานสากล), หรือ NPT (อเมริกา) จะช่วยให้การติดตั้งเป็นไปได้ง่ายและเหมาะสมกับการใช้งาน
วัสดุที่ใช้ในการผลิต: ผลิตจากวัสดุต่างๆ เช่น สแตนเลส (304 หรือ 316L), ทองเหลือง, พลาสติก PA66 หรือ ไนลอน ซึ่งจะต้องเลือกตามความทนทานที่ต้องการในการใช้งาน สแตนเลส 316L จะเหมาะกับสภาพแวดล้อมที่มีการกัดกร่อนสูง เช่น ใกล้ทะเลหรืออุตสาหกรรมเคมี ในขณะที่สแตนเลส 304 หรือพลาสติก PA66 เหมาะกับงานทั่วไป
มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น (IP rating): มาตรฐาน IP (Ingress Protection) เป็นตัวกำหนดว่าสามารถป้องกันน้ำและฝุ่นได้มากน้อยเพียงใด โดย IP66 และ IP68 สามารถป้องกันฝุ่นและน้ำได้ดี เช่น ในงานที่ติดตั้งกลางแจ้งหรือในสถานที่ที่มีความชื้นสูง
ความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม: ควรพิจารณาสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน เช่น อุณหภูมิที่สูงหรือต่ำ, ความชื้น, หรือสารเคมีที่อาจจะสัมผัส เลือกวัสดุที่ทนทานต่อปัจจัยเหล่านี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานและลดการเสียหายจากการใช้งาน ☑ รายละเอียดสินค้าและราคา
การติดตั้งและการบำรุงรักษา: จะต้องติดตั้งได้ง่ายและสะดวก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึง ควรเลือกที่มีระบบล็อกที่มั่นคงเพื่อป้องกันการเคลื่อนที่หรือการหลุดของสายไฟ
การป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร: บางรุ่นของได้รับการออกแบบให้มีคุณสมบัติในการป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งเป็นฟังก์ชันสำคัญที่ช่วยรักษาความปลอดภัยในระบบไฟฟ้
สอบถามและปรึกษาเกี่ยวกับสินค้าได้โดยตรง
บริการนำเข้าทางเครื่องบิน (Air Freight)
มีสต็อกพร้อมส่งในประเทศ รองรับการใช้งานได้ทันที
✅ จัดส่งได้ทันทีภายใน 1–2 วันทำการ
✅ ปริมณฑล และต่างจังหวัด 2-3 วันทำการ (ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการขนส่งเอกชน) **สามารถระบุได้
สั่งผลิตตามขนาดและความต้องการใช้งานได้
✅เลือกขนาดได้อิสระ: กำหนด ความกว้าง x ความสูง x ความลึก ตามพื้นที่ใช้งาน












