เคเบิ้ลแกลนกันระเบิด
Explosion Proof Cable gland
เคเบิ้ลแกลนกันระเบิด เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อติดตั้งกับสายไฟในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการระเบิด เช่น โรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมี, โรงกลั่นน้ำมัน, หรือสถานที่ที่มีการใช้งานก๊าซไวไฟหรือของเหลวที่ติดไฟได้ โดยมีหน้าที่ช่วยป้องกันไม่ให้เปลวไฟหรือประกายไฟจากภายในอุปกรณ์หลุดออกมาและก่อให้เกิดการระเบิดในสภาพแวดล้อมภายนอก มาตรฐานความปลอดภัยรับรองมาตรฐาน Explosion Proof เช่น ATEX หรือ IECEx
"หมวด เคเบิ้ลแกลนกันระเบิด"
เคเบิ้ลแกลนกันระเบิดป้องกันอันตรายในพื้นที่เสี่ยง
Explosion Proof Cable Glands ถูกออกแบบมาเพื่อติดตั้งสายไฟในพื้นที่ที่มีก๊าซไวไฟหรือฝุ่นติดไฟ เช่น โรงกลั่นน้ำมัน โรงงานเคมี และพื้นที่อุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง ตัวอุปกรณ์นี้มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ไฟฟ้าลัดวงจรหรือความร้อนในระบบทำให้เกิดการระเบิดในพื้นที่ดังกล่าว วัสดุที่ใช้ผลิตกันระเบิดมักทำจากทองเหลืองและทองเหลืองชุบนิกเกิลหรือสแตนเลส เพื่อความแข็งแรงและทนทานต่อการกัดกร่อน โดยมีซีลที่ทำจากวัสดุคุณภาพสูง เช่น ยางซิลิโคน Neoprene หรือเทฟลอน เพื่อป้องกันน้ำ ฝุ่น และสารเคมี
มาตรฐานที่รองรับ เช่น Exd IIC GB และ EX TD A21 IP68 ช่วยให้มั่นใจว่าอุปกรณ์นี้ปลอดภัยต่อการใช้งานในพื้นที่อันตราย Zone 1 และ Zone 2 ที่มีก๊าซไวไฟ หรือ Zone 21 และ Zone 22 ที่มีฝุ่นติดไฟ มาตรฐาน Exd IIC GB และ EX TD A21 IP68 เป็นมาตรฐานสากลที่รับรองความปลอดภัยในการใช้งานเคเบิ้ลรัดสายไฟในพื้นที่อันตราย โดยแบ่งประเภทพื้นที่ตามลักษณะของความเสี่ยง
Exd IIC GB เป็นมาตรฐานที่ช่วยยืนยันว่าอุปกรณ์นั้นสามารถใช้งานได้ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากการระเบิดสูง เช่น พื้นที่ที่มีแก๊สไวไฟสูง โดยอุปกรณ์ที่มีการรับรองมาตรฐานนี้จะทนทานต่อการระเบิดภายในและปลอดภัยสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมอันตราย
*ราคาดังกล่าวเป็นราคาตั้ง สอบถามส่วนลดพิเศษได้ที่ผ่ายขาย
เหตุผลที่ควรเลือกใช้ารเลือกใช้เคเบิ้ลแกลนกันระเบิด
เป็นสิ่งสำคัญในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการระเบิด เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้ออกแบบมาเพื่อป้องกันการเกิดประกายไฟหรือความร้อนที่อาจทำให้เกิดการระเบิดในสภาพแวดล้อมที่มีสารไวไฟหรือฝุ่นที่ติดไฟได้ ทั้งยังได้รับการรับรองตามมาตรฐาน Exd, Exe, และ Ex สำหรับพื้นที่อันตราย เช่น Zone 1, Zone 2 หรือ Zone 21, Zone 22 ทำให้มั่นใจในความปลอดภัยสูงสุดในสภาพแวดล้อมเหล่านี้ การใช้เคเบิ้ลรัดสายไฟกันระเบิดช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุไฟฟ้าและสามารถใช้ในอุตสาหกรรมที่มีการผลิตสารเคมี น้ำมัน หรือพลังงานที่มีความเสี่ยงสูง ค่าการป้องกันที่สูง เช่น IP68 ช่วยป้องกันฝุ่นและน้ำซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจทำให้อุปกรณ์เสียหายได้
Armoured Cable Gland
Non-Armoured Cable Gland
การเข้าสายไฟของ Non-Armoured กับ Armoured
ข้อควรพิจารณาในการเลือกอุปกรณ์ Zone 1 และ Zone 2
Zone 1 และ Zone 2 เป็นพื้นที่อันตรายที่จัดกลุ่มตามมาตรฐานการป้องกันการระเบิด (Explosion-Proof) โดยขึ้นอยู่กับความถี่และระยะเวลาที่ก๊าซไวไฟหรือไอระเหยอันตรายปรากฏในพื้นที่ การเลือกใช้อุปกรณ์ในพื้นที่เหล่านี้ต้องพิจารณาความปลอดภัยและมาตรฐานเฉพาะ ดังนี้:
- Zone 1: พื้นที่เสี่ยงสูงคือ : พื้นที่ที่ก๊าซไวไฟหรือไอระเหยอันตรายสามารถปรากฏได้บ่อยครั้งหรือเป็นประจำ เช่น รอบๆ ท่อส่งน้ำมัน ถังเก็บก๊าซ หรืออุปกรณ์ที่ทำให้เกิดประกายไฟ ต้องใช้อุปกรณ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการป้องกันการระเบิด เช่น Exd หรือ Exe ซึ่งสามารถป้องกันประกายไฟจากภายใน และทนต่อการปะทะของแรงดันที่เกิดจากการระเบิดได้
- Zone 2: พื้นที่เสี่ยงต่ำ คือ : พื้นที่ที่ก๊าซไวไฟหรือไอระเหยอันตรายปรากฏในระยะสั้นหรือไม่บ่อยครั้ง เช่น ใกล้ท่อส่งก๊าซที่ไม่ได้ใช้งานตลอดเวลา หรือพื้นที่สำรอง สามารถใช้อุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานการป้องกันระดับกลาง เช่น Exe ซึ่งเน้นการปิดผนึกแน่นหนาและลดความเสี่ยงในการติดไฟจากแหล่งกำเนิดไฟฟ้า
ข้อควรพิจารณา: ความเข้มข้นของก๊าซในการเลือกอุปกรณ์ป้องกันการระเบิด การเลือกอุปกรณ์สำหรับพื้นที่อันตราย ต้องพิจารณาความเข้มข้นของก๊าซไวไฟในพื้นที่อย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและการป้องกันอุบัติเหตุจากการระเบิด โดยรายละเอียดสำคัญมีดังนี้ ก๊าซแต่ละชนิดมีระดับความไวไฟแตกต่างกัน ซึ่งถูกแบ่งกลุ่มตามมาตรฐาน เช่น IIA: ก๊าซไวไฟน้อย เช่น โพรเพ, IIB: ก๊าซไวไฟปานกลาง เช่น อีเทน ,IIC: ก๊าซไวไฟสูง เช่น ไฮโดรเจนหรืออะเซทิลีน
ข้อควรพิจารณาความเข้มข้นของก๊าซ (Gas Concentration): ก๊าซมีความเข้มข้นที่เป็นอันตรายเมื่อเข้าสู่ ขีดจำกัดการติดไฟ หรือ LEL (Lower Explosive Limit) และ UEL (Upper Explosive Limit) ต้องทำการวิเคราะห์ความเข้มข้นของก๊าซในพื้นที่ เพื่อเลือกอุปกรณ์ที่สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยในระดับความเข้มข้นนั้น
สภาพการไหลเวียนของก๊าซ (Ventilation Conditions): หากพื้นที่มีการระบายอากาศไม่ดี (Poor Ventilation) ความเข้มข้นของก๊าซจะสูงขึ้น ควรเลือกอุปกรณ์ที่ออกแบบมาสำหรับพื้นที่ที่มีการสะสมของก๊าซ เช่น มาตรฐาน Zone 1
Armoured Cable Gland
Armoured Cable Gland คือ ต่อมสายไฟ (Cable Gland) ที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับสายไฟหุ้มเกราะ (Armoured Cable) โดยเฉพาะ ซึ่งมีการหุ้มเกราะโลหะ (เช่น เกราะเหล็ก) รอบตัวสายไฟเพื่อป้องกันการเสียหายจากการเสียดสี การบิดงอ หรือการโจมตีจากภายนอก นอกจากนี้ยังช่วยในการป้องกันการลัดวงจรและการเกิดไฟฟ้าช็อต โดยต่อมสายไฟหุ้มเกราะนี้ทำหน้าที่ในการยึดและปิดผนึกสายไฟให้แน่นหนาเมื่อต่อกับอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือกล่องไฟ
ป้องกันการระเบิดและไฟฟ้าช็อต ออกแบบมาเพื่อใช้กับสายไฟที่มีเกราะโลหะ (เช่น สายไฟ SWA) ซึ่งมีการป้องกันการระเบิดและไฟฟ้าช็อตอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือสถานที่ที่มีสารไวไฟ โดยช่วยเพิ่มความปลอดภัยในระบบไฟฟ้า
การยึดสายไฟและเกราะให้แน่น ใช้เทคโนโลยีในการยึดเกราะโลหะของสายไฟให้มั่นคงและปลอดภัย โดยระบบการบีบอัดคู่จะทำให้ทั้งเกราะและตัวนำสายไฟยึดติดอย่างแน่นหนา ซึ่งช่วยป้องกันการเคลื่อนย้ายหรือการหลุดลุ่ยจากการใช้งาน
ทนทานในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง ผลิตจากวัสดุที่มีความทนทาน เช่น ทองเหลืองหรือสแตนเลส ที่สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรงทั้งในที่ร้อนหรือเย็น และทนต่อการสั่นสะเทือน ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมหนักและพื้นที่ที่มีความเสี่ยง
ป้องกันน้ำและฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP66/67 เพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอมและมลภาวะจากน้ำหรือฝุ่นละออง ได้รับการออกแบบให้มีมาตรฐานการป้องกัน IP66/67 ซึ่งช่วยให้การเชื่อมต่อสายไฟในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นหรือความชื้นสูงปลอดภัยและมั่นคง
Non-Armoured Cable Gland
Non-Armoured Cable Gland คืออะไร?
เคเบิ้ลแกลนแบบไม่หุ้มเกราะ หรือ Non-Armoured Cable Gland เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับยึดและป้องกันสายไฟที่ไม่มีเกราะหุ้ม (เช่น สายไฟทั่วไป) ให้แน่นหนา เมื่อนำสายไฟเข้าไปในอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำ ฝุ่น หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไปภายในอุปกรณ์ ทำให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์และระบบไฟฟ้าได้
- การใช้งาน: สามารถใช้ได้ทั้งกับสายไฟที่ไม่มีเกราะหุ้มและสายไฟที่หุ้มด้วยเกราะแบบถัก (braided armoured)
- ความปลอดภัย: มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง สามารถใช้งานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการระเบิด (Zone 1, 2 & 21, 22)
- การป้องกัน: ป้องกันน้ำและฝุ่นได้ดีตามมาตรฐาน IP66/67
- วัสดุ: ทำจากวัสดุคุณภาพสูง เช่น ทองเหลือง ช่วยให้ทนทานต่อการกัดกร่อน
- การบีบอัด: ใช้การบีบอัดเพียงครั้งเดียว (Single compression) ทำให้ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว
ส่วนประกอบหลัก:
- ตัวเรือน: ทำจากทองเหลือง มีความแข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อน
- ปะเก็น: ทำหน้าที่ป้องกันน้ำและฝุ่น
- ส่วนยึดสายไฟ: ใช้สำหรับยึดสายไฟให้แน่น
- น็อต: ใช้สำหรับขันเพื่อยึดส่วนประกอบต่างๆ เข้าด้วยกัน
- เกลียว: ใช้สำหรับยึดต่อมสายไฟเข้ากับอุปกรณ์อื่นๆ
การใช้งาน:
- สายไฟ: ใช้กับสายไฟที่ไม่มีเกราะหุ้มและสายไฟที่หุ้มด้วยเกราะแบบถัก
- สภาพแวดล้อม: สามารถใช้งานได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง
- อุตสาหกรรม: ใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น ปิโตรเคมี, การผลิต, โครงสร้างพื้นฐาน
การเลือกเคเบิ้ลแกลนกันระเบิด (ระหว่าง Non-Armoured และ Armoured
การเลือก Explosion Proof Cable Gland ระหว่าง Non-Armoured และ Armoured ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและสภาพแวดล้อมที่ต้องการใช้งาน เนื่องจากทั้งสองประเภทมีคุณสมบัติและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การเลือกใช้งานเคเบิ้ลรัดสายแต่ละประเภทจะต้องพิจารณาตามสภาพแวดล้อมและประเภทสายไฟที่ใช้ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่าง ๆ โดยมีข้อพิจารณาในการเลือกดังนี้:
เคเบิ้ลเบิ้ลแกลนด์ Non-Armoured แบบไม่หุ้มเกราะ (Non-Armoured) ใช้กับสายไฟที่ไม่มีการหุ้มเกราะโลหะ ซึ่งมักใช้ในพื้นที่ที่ไม่มีความเสี่ยงต่อการบาดหรือการเสียดสีสูง โดยเหมาะสำหรับการใช้งานในสถานที่: สายไฟไม่มีการเสียดสีหรือความเสี่ยงที่จะถูกทำลาย: ใช้ในพื้นที่ที่ไม่ได้รับความเครียดหรือการบิดเบือนจากภายนอก สภาพแวดล้อมที่ไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวหรือการสั่นสะเทือน: เช่น อาคารทั่วไปหรือสำนักงานที่ไม่มีการเคลื่อนไหวมาก
เคเบิ้ลแกลนแบบหุ้มเกราะ (Armoured) ใช้กับสายไฟที่มีเกราะโลหะหุ้มอยู่ ซึ่งจะช่วยป้องกันการบาดหรือการเสียดสีได้ดี โดยเหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการเคลื่อนไหวหรือมีความเสี่ยงสูงต่อการถูกทำลาย โดยมักจะใช้ใน:พื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวหรือการเสียดสี: เช่น โรงงานอุตสาหกรรม, การติดตั้งในภาคสนาม, และพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวของเครื่องจักรหรือการบิดงอของสายไฟ สภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงจากการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร: เช่น โรงงานปิโตรเคมี หรือสถานที่ที่มีการใช้งานไฟฟ้าแรงสูง ต้องการความทนทานสูง: เแบบหุ้มเกราะจะช่วยป้องกันสายไฟจากแรงกดทับ, การเสียดสี, หรือความเสียหายจากสภาพแวดล้อมที่รุนแรง
การเลือกใช้ระหว่าง Non-Armoured กับ Armoured: ความเสี่ยงจากการเสียดสี: หากสภาพแวดล้อมมีการเคลื่อนไหวมาก หรือมีความเสี่ยงจากการเสียดสี ควรเลือก Armoured Cable Gland เพื่อป้องกันการเสียหายจากสภาพแวดล้อม
การเข้าสายไฟของ Non-Armoured กับ Armoured
การเข้าสายไฟของ Non-Armoured Cable:
- เตรียมสายไฟ: ตัดสายไฟให้มีความยาวพอเหมาะ จากนั้นแยกและทำความสะอาดตัวนำเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการขัดขวางการเชื่อมต่อ.
- ใส่ตัวแคลน (Cable Gland): ใส่ส่วนของตัวแคลน (nut, gland body) เข้าไปที่ปลายสายไฟ ก่อนที่จะนำไปเชื่อมต่อกับอุปกรณ์.
- ยึดสายไฟ: บีบหรือขันส่วนยึดของแคลนให้แน่นเพื่อยึดตัวนำและเก็บสายไฟให้อยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย.
- ตรวจสอบความแน่น: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสายไฟถูกยึดแน่นและไม่มีการเคลื่อนไหวในระหว่างการใช้งาน.
การเข้าสายไฟของ Armoured Cable:
- เตรียมสายไฟ: ตัดสายไฟหุ้มเกราะให้เหมาะสม จากนั้นถอดเกราะโลหะที่ส่วนปลายเพื่อเผยตัวนำไฟฟ้า.
- ติดตั้งตัวแคลน (Cable Gland): ใส่ส่วนของแคลนที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับสายไฟหุ้มเกราะ (Armoured) รวมถึงตัวปะเก็นที่ป้องกันการรั่วของน้ำและฝุ่น.
- ยึดเกราะ: ยึดเกราะโลหะของสายไฟด้วยส่วนยึดเกราะของแคลนให้แน่น เพื่อป้องกันการหลุดหรือการขยับ.
- ตรวจสอบการเชื่อมต่อ: ตรวจสอบการเชื่อมต่อทั้งหมดให้แน่ใจว่าไม่มีการขัดขวาง และสายไฟถูกยึดมั่นอย่างปลอดภัยในอุปกรณ์.
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อสายไฟกับอุปกรณ์ไฟฟ้าในพื้นที่อันตราย เพื่อป้องกันการระเบิดหรือการลุกไหม้ โดยมีการออกแบบให้สามารถป้องกันการไหลของประกายไฟหรือการระเบิดจากภายในสายไฟไปยังภายนอกได้ โดยใช้วัสดุที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ทองเหลือง, สแตนเลส, หรือพลาสติกที่มีคุณสมบัติทนไฟ ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม, พื้นที่ผลิตน้ำมัน, หรือสถานที่ที่มีความเสี่ยงจากก๊าซหรือฝุ่นระเบิด การเลือกใช้ Cable gland Ex ที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงจากอัคคีภัยและเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยง