เคเบิ้ลแกลนสแตนเลส
Cable Gland Stainless
เคเบิ้ลแกลนสแตนเลส (Stainless Steel Cable Gland) คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อและป้องกันสายไฟหรือเคเบิ้ลให้มีความปลอดภัยในงานติดตั้งระบบไฟฟ้า โดยเฉพาะในงานที่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมเช่น ความชื้น ฝุ่น ความร้อน และการกัดกร่อน ทำหน้าที่ยึดสายไฟให้มั่นคงลดการเคลื่อนที่ของสายไฟ ซึ่งช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดจากการสั่นสะเทือนหรือแรงดึง
"หมวด เคเบิ้ลแกลนสแตนเลส"
เคเบิ้ลแกลนสแตนเลส (Cable Gland Stainless) คืออะไร?
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อและป้องกันสายไฟหรือเคเบิ้ลให้มีความปลอดภัยในงานติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครือข่ายต่าง ๆ โดยเฉพาะในงานที่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เช่น ความชื้น ฝุ่น ความร้อน และการกัดกร่อน หน้าที่ในการป้องกันการรั่วซึม หน้าที่ในการป้องกันการรั่วซึม เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยเสริมความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของระบบไฟฟ้า ทำให้อุปกรณ์นี้กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในงานอุตสาหกรรมและงานที่ต้องการความทนทานสูง
หนึ่งในหน้าที่หลักของ Cable gland Stainless คือ การป้องกันการรั่วซึม ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับการใช้งานในระบบไฟฟ้า โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงต่อความชื้น ฝุ่น หรือสารเคมี โดยการออกแบบให้มีซีลยางที่แนบสนิทกับสายไฟเมื่อประกอบเข้ากัน ซีลยางนี้ทำหน้าที่คล้ายกับเกราะป้องกันที่ช่วยลดโอกาสของน้ำหรือฝุ่นที่จะเล็ดลอดเข้าไปในระบบสายไฟ ซึ่งเป็นสาเหตุของความเสียหายและการลัดวงจร
ทำไมการป้องกันการรั่วซึมจึงสำคัญ? ความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า การรั่วซึมของน้ำหรือสารเคมีเข้าสู่สายไฟอาจทำให้เกิดความเสียหาย เช่น การลัดวงจร ซึ่งนำไปสู่ปัญหาความปลอดภัยที่ร้ายแรง ยืดอายุการใช้งานของสายไฟ เมื่อสายไฟได้รับการป้องกันจากความชื้นและสารเคมี ระบบไฟฟ้าจึงสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและยาวนาน รองรับงานในสภาพแวดล้อมที่รุนแรงเหมาะสำหรับงานที่ต้องเผชิญกับความชื้นสูง เช่น โรงงานผลิตอาหาร, โรงงานเคมี หรือพื้นที่ที่ต้องสัมผัสกับน้ำทะเล
*ราคาดังกล่าวเป็นราคาตั้ง สอบถามส่วนลดพิเศษได้ที่ผ่ายขาย
“5 เหตุผลที่ควรเลือกใช้เคเบิ้ลแกลนสแตนเลสสำหรับงานอุตสาหกรรม”
1.ทนทานต่อสภาพแวดล้อม: เคเบิ้ลสแตนเลสผลิตจากวัสดุสแตนเลสเกรด 304 หรือ 316 ซึ่งมีความทนทานต่อการกัดกร่อนจากน้ำทะเล กรดอ่อน และสารเคมี 2.ป้องกันการรั่วซึม: ด้วยมาตรฐาน IP68 เคเบิ้ลสแตนเลสสามารถป้องกันน้ำและฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3. รองรับงานหนัก: โครงสร้างแข็งแรงช่วยป้องกันสายไฟจากแรงดึงและการสั่นสะเทือนในสภาพแวดล้อมที่มีการใช้งานหนัก 4. ติดตั้งง่าย: การออกแบบที่เรียบง่ายช่วยให้ผู้ใช้งานติดตั้งได้อย่างรวดเร็วและมั่นคง 5. ปลอดภัยและยืดหยุ่น: เหมาะสำหรับงานอุตสาหกรรมที่ต้องการระบบไฟฟ้าที่ปลอดภัยและมีความยืดหยุ่นสูง เช่น งานกลางแจ้ง โรงงานเคมี หรือในพื้นที่เสี่ยง
ส่วนประกอบของเคเบิ้ลแกลนสแตนเลส
การระบุขนาดและองค์ประกอบของเคเบิ้ลแกลนด์
ขั้นตอนการตรวจสอบและติดตั้งเกลียว PG, M, และ NPT
คุณสมบัติของเคเบิ้ลแกลนสแตนเลส: อธิบายโดยละเอียด
สามารถยึดสายไฟได้แน่นหนาและรองรับสายไฟหลากหลายขนาด ความสามารถนี้ช่วยลดการเคลื่อนไหวของสายไฟที่อาจเกิดจากแรงดึงหรือการสั่นสะเทือน ตัวอุปกรณ์มีระบบล็อกภายใน เช่น Clamp Ring หรือ Lock Nut ที่ช่วยให้สายไฟยึดติดอยู่กับที่ ลดโอกาสเกิดความเสียหายหรือสายไฟหลุดระหว่างการใช้งาน
ผลิตจากสแตนเลสเกรด 304 (Stainless Steel – 304) วัสดุสแตนเลสเกรด 304 มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องความแข็งแรงและการต้านทานการเกิดสนิม สแตนเลสชนิดนี้เป็นวัสดุที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการความทนทาน เช่น อุตสาหกรรมอาหาร, เคมี, และงานติดตั้งภายนอกอาคาร เพราะสามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือสัมผัสกับน้ำทะเลได้โดยไม่เกิดสนิม คุณสมบัติที่กล่าวมาไม่เพียงช่วยยกระดับความปลอดภัยในการใช้งานสายไฟ แต่ยังตอบโจทย์งานในอุตสาหกรรมและสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ทั้งความสะดวกในการติดตั้ง ความทนทาน และมาตรฐานระดับสากล ทำให้อุปกรณ์นี้เป็นตัวเลือกที่ครบครันสำหรับงานติดตั้งระบบไฟฟ้า
ติดตั้งได้ง่าย การออกแบบให้ใช้งานง่ายเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ผู้ติดตั้งสามารถใช้งานได้สะดวก โดยไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสริมมากมาย ตัวอุปกรณ์มีเกลียวที่แม่นยำและสามารถขันเข้ากับพื้นผิวหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ได้อย่างราบรื่น ผ่านมาตรฐานสากล: CE การรับรองมาตรฐาน CE (Conformité Européene) เป็นเครื่องยืนยันว่าได้ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานความปลอดภัยและคุณภาพของสหภาพยุโรป การรับรองนี้ทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์มีคุณภาพสูง ปลอดภัย และเป็นไปตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม
ระดับการป้องกันน้ำและฝุ่น: IP68 มีการออกแบบที่สามารถป้องกันน้ำและฝุ่นได้อย่างสมบูรณ์ตามมาตรฐาน IP68 โดยตัวเลข 6 หมายถึงความสามารถในการป้องกันฝุ่นในระดับสูงสุด และตัวเลข 8 หมายถึงการกันน้ำลึกได้ดี เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่เปียกชื้น เช่น สถานีสูบน้ำ หรือบริเวณใกล้ทะเล ความทนทานต่อการกัดกร่อนและสารเคมี ด้วยวัสดุสแตนเลสเกรด 304 ทำให้ทนทานต่อการกัดกร่อนจากน้ำทะเล, กรดอ่อน, แอลกอฮอล์, และไขมัน คุณสมบัตินี้ทำให้เหมาะสำหรับงานที่ต้องสัมผัสกับสารเคมีหรือในสภาพแวดล้อมที่มีความรุนแรง เช่น โรงงานเคมีและโรงงานอาหาร
ส่วนประกอบของเคเบิ้ลแกลนสแตนเลส
ส่วนประกอบแต่ละชิ้นส่วนมีบทบาทสำคัญในการทำงานดังนี้:
1. Lock Nut (น็อตล็อก) หน้าที่: ใช้สำหรับขันยึดเคเบิ้ลสแตนเลสกับพื้นผิวหรือแผงติดตั้งเพื่อให้เคเบิ้ลสแตนเลสอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคง ลักษณะเด่น: มีเกลียวที่แน่นและแข็งแรง ทำจากสแตนเลสเพื่อป้องกันการเกิดสนิมและการกัดกร่อ
2. O-Ring (โอริง) หน้าที่: ทำหน้าที่ซีลระหว่างตัวเคเบิ้ลสแตนเลสและพื้นผิวการติดตั้ง เพื่อป้องกันน้ำ ฝุ่น และสารเคมีไม่ให้เข้าสู่ระบบสายไฟ ลักษณะเด่น: ผลิตจากยางคุณภาพสูงที่มีความยืดหยุ่นและทนต่ออุณหภูมิและสารเคมี
3. Body (ตัวเรือน) หน้าที่: เป็นโครงสร้างหลักของเคเบิ้ลสแตนเลสที่ใช้เชื่อมต่อกับสายไฟและอุปกรณ์อื่น ๆ ลักษณะเด่น: ทำจากสแตนเลสเกรด 304 หรือ 316 เพื่อความทนทานต่อการกัดกร่อนและการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น น้ำทะเลหรือกรดอ่อน
4. Seal (ซีล) หน้าที่: ป้องกันน้ำและฝุ่นไม่ให้ผ่านเข้าสู่ภายในเคเบิ้ลสแตนเลส โดยซีลนี้จะรัดสายไฟให้แน่นเพื่อป้องกันการรั่วซึม ลักษณะเด่น: มักทำจากวัสดุที่ทนทานต่อการใช้งานในอุณหภูมิสูงและสารเคมี
5. Claw (คลอว์) หน้าที่: ทำหน้าที่ยึดสายไฟให้มั่นคงภายในตัวเคเบิ้ลสแตนเลส ช่วยป้องกันสายไฟไม่ให้เคลื่อนที่หรือหลุดออกจากตำแหน่ง ลักษณะเด่น: มีลักษณะเป็นฟันที่ยึดสายไฟอย่างแน่นหนาโดยไม่ทำให้สายไฟเสียหาย
6. Thread-lock Sealing Nut (น็อตเกลียวซีลล็อก) หน้าที่: ใช้สำหรับขันปิดตัวเรือนเพื่อให้ทุกส่วนประกอบของเคเบิ้ลสแตนเลสทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์ โดยช่วยบีบซีลและคลอว์ให้ยึดติดกับสายไฟอย่างแน่นหนา ลักษณะเด่น: มีเกลียวที่แม่นยำ แข็งแรง และทำจากสแตนเลสเพื่อความทนทาน
ส่วนประกอบทั้งหมดทำงานร่วมกันเพื่อให้สายไฟได้รับการปกป้องจากน้ำ ฝุ่น และแรงดึง ทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของระบบไฟฟ้า เหมาะสำหรับงานอุตสาหกรรมที่ต้องการความทนทานและความน่าเชื่อถือสูง!
การระบุขนาดและองค์ประกอบของเคเบิ้ลแกลนด์
ข้อมูลที่สำคัญสำหรับการเลือกและติดตั้ง
Thread Size (AG) ความหมาย: คือขนาดของเกลียวภายนอกของเคเบิ้ลสแตนเลสที่ใช้สำหรับติดตั้งเข้ากับแผงหรือพื้นผิวที่มีรูเกลียว จุดเด่น: ขนาดเกลียว AG มีหลายขนาดให้เลือก
- เกลียว M (Metric Thread): เป็นเกลียวที่มีมาตรฐานตามระบบเมตริก (ISO Metric) โดยหน่วยวัดจะเป็นมิลลิเมตร ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมยุโรปและเอเชีย จุดเด่นของเกลียว M คือความเที่ยงตรงและเหมาะกับการใช้งานทั่วไปในงานไฟฟ้าและเครื่องจักร
- เกลียว PG (Panzergewinde): เกลียว PG มีต้นกำเนิดจากเยอรมนีและนิยมใช้ในงานไฟฟ้า โดยเฉพาะกับ Cable gland ที่ออกแบบมาสำหรับสายไฟขนาดเล็ก มีลักษณะเกลียวที่ละเอียดและเหมาะสำหรับงานติดตั้งที่ต้องการความแน่นหนาในพื้นที่จำกัด
- เกลียว NPT (National Pipe Thread): เป็นมาตรฐานเกลียวที่ใช้ในอเมริกา ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการใช้งานที่เกี่ยวข้องกับระบบท่อและงานที่ต้องการการป้องกันการรั่วซึม เช่น การเชื่อมต่อในระบบน้ำหรือน้ำมัน เกลียว NPT มีลักษณะเรียวและปิดสนิทเมื่อขัน
Thread Length (GL) ความหมาย: ความยาวของเกลียวภายนอกที่สามารถสอดเข้าไปในรูเกลียวได้ หน้าที่: ช่วยให้สามารถขันเกลียวกับพื้นผิวได้อย่างมั่นคง และยังมีส่วนสำคัญในการซีลป้องกันน้ำหรือฝุ่นจากด้านนอกเข้าสู่ด้านใน การเลือก: ควรเลือกความยาวของเกลียวให้เหมาะสมกับความหนาของแผงหรือพื้นผิวที่ติดตั้ง เพื่อให้ยึดติดได้แน่นหนา
Joint Length (H) ความหมาย: ความยาวรวมของ Cable gland จากปลายบนสุดจนถึงปลายเกลียวด้านล่าง หน้าที่: แสดงให้เห็นถึงขนาดรวมของเคเบิ้ลสแตนเลสเมื่อประกอบติดตั้งเข้ากับแผงหรืออุปกรณ์อื่น ๆ จุดสำคัญ: ช่วยประเมินว่าเคเบิ้ลสแตนเลสนั้นเหมาะสมกับพื้นที่ติดตั้งหรือไม่
การใช้งานในงานติดตั้ง
Thread Size AG: ต้องพิจารณาให้เหมาะกับขนาดรูเกลียวของแผงหรือเครื่องจักร
Thread Length GL: สำคัญสำหรับการยึดแน่นและซีลป้องกันน้ำหรือฝุ่น
Joint Length H: ใช้สำหรับตรวจสอบว่าความสูงรวมของเคเบิ้ลรัดสายไฟเหมาะสมกับพื้นที่ติดตั้งหรือไม่
วิธีเลือกเคเบิ้ลแกลนสแตนเลสที่เหมาะสมกับงานของคุณ
Cable Gland Stainless เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับการยึดสายไฟและเพิ่มความปลอดภัยในระบบไฟฟ้า การเลือกใช้เคเบิ้ลยึดสายไฟที่เหมาะสมกับงานของคุณจึงมีความสำคัญอย่างมาก เพราะช่วยให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว
ตรวจสอบขนาดสายไฟหรือสายเคเบิ้ล ก่อนเลือกเคเบิ้ลยึดสายไฟ ควรเริ่มต้นด้วยการวัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของสายไฟหรือสายเคเบิ้ลที่ต้องการใช้งาน เพื่อให้แน่ใจว่าเคเบิ้ลยึดสายไฟมีขนาดที่พอดีกับสายไฟ ข้อมูลนี้สามารถเปรียบเทียบกับ Cable Range ที่ระบุไว้ในสเปกของเคเบิ้ลรัดสายไฟ หากเลือกขนาดที่เล็กหรือใหญ่เกินไป อาจส่งผลต่อการซีลและลดประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น น้ำ หรือแรงดึง
เลือกประเภทเกลียวที่เหมาะสม เกลียวของเคเบิ้ลรัดสายไฟมีหลากหลายรูปแบบ เช่น M (Metric) ,PG (Panzergewinde), NPT (National Pipe Thread
พิจารณาสภาพแวดล้อมการใช้งาน สภาพแวดล้อมมีผลต่อการเลือกวัสดุและคุณสมบัติของเคเบิ้ลรัดสายไฟอย่างมาก เช่น พื้นที่ที่มีความชื้นหรือเปียกน้ำ: ควรเลือกเคเบิ้ลรัดสายไฟที่มีมาตรฐานป้องกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 พื้นที่ที่มีสารเคมีหรือความเค็มสูง: เลือกวัสดุสแตนเลสเกรด 304 หรือ 316 ที่ทนต่อการกัดกร่อนจากน้ำทะเล กรดอ่อน หรือสารเคมีพื้นที่อุณหภูมิสูงหรือต่ำ: เคเบิ้ลยึดสายไฟที่รองรับอุณหภูมิช่วงกว้าง เช่น -40°C ถึง 100°C จะเหมาะสมมากกว่า
ตรวจสอบมาตรฐานและใบรับรอง ได้มาตรฐาน เช่น CE, RoHS, หรือ UL จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของอุปกรณ์ โดยเฉพาะสำหรับงานอุตสาหกรรมที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง
เลือกแบรนด์และผู้จัดจำหน่ายที่เชื่อถือได้ เลือก Cable gland จากแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในตลาด หรือเลือกผู้จัดจำหน่ายที่มีบริการให้คำปรึกษาและการรับประกันสินค้า การเลือกสินค้าคุณภาพสูงจะช่วยลดปัญหาในระยะยาว
ขั้นตอนการตรวจสอบและติดตั้งเกลียว PG, M, และ NPT
ขั้นตอนการตรวจสอบและติดตั้งเกลียว PG, M, และ NPT
ขั้นตอนที่ 1: ตรวจสอบประเภทเกลียวที่ใช้งาน ก่อนเริ่มติดตั้ง ควรตรวจสอบว่าอุปกรณ์หรือรูติดตั้งมีการต๊าปเกลียวไว้แล้วหรือไม่ หากต๊าปไว้แล้ว ต้องทราบว่าประเภทเกลียวคือ PG, M, หรือ NPT พร้อมยืนยันขนาดเกลียว เช่น PG13.5, PG16, M32, M40, หรือ NPT3/4” โดยข้อมูลนี้จะช่วยให้การติดตั้งเหมาะสมและมั่นใจในความเข้ากันได้ของเกลียว
ขั้นตอนที่ 2: ตรวจสอบขนาดรูติดตั้ง วัดขนาดรูที่ต้องการติดตั้งด้วยเครื่องมือวัดที่เหมาะสม เช่น เวอร์เนียร์หรือไมโครมิเตอร์ เพื่อยืนยันว่าขนาดรูตรงกับขนาดเกลียวที่เลือก หากรูติดตั้งมีขนาดเล็กหรือใหญ่เกินไป อาจต้องเจาะใหม่หรือติดตั้งอะแดปเตอร์เกลียวที่เหมาะสม
ขั้นตอนที่ 3: ตรวจสอบสายเคเบิ้ลให้เหมาะสม สำรวจสายเคเบิ้ลที่จะใช้งาน โดยวัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของสาย และเปรียบเทียบกับ Cable Range ของเคเบิ้ลยึดสายไฟรุ่นนั้น ๆ หากสายเล็กหรือใหญ่เกินไป อาจทำให้การซีลไม่แน่นหนา หรือทำให้เกิดแรงดึงมากเกินไปที่สายเคเบิ้ล
ขั้นตอนที่ 4: ติดตั้งเคเบิ้ลและขันเกลียวให้แน่น เมื่อเลือกขนาดที่เหมาะสมแล้ว ให้สอดสายเคเบิ้ลผ่าน Cable gland และปรับตำแหน่งให้สายอยู่ในจุดที่เหมาะสม จากนั้นขันส่วนเกลียวให้แน่นเพื่อให้ซีลยางทำงานเต็มที่ ควรหลีกเลี่ยงการขันแน่นเกินไป เพราะอาจสร้างแรงกดต่อสายจนเกิดความเสียหาย
การติดตั้งเกลียว PG, M, และ NPT จำเป็นต้องตรวจสอบให้ครบทุกขั้นตอน เริ่มจากการยืนยันประเภทและขนาดของเกลียว รวมถึงขนาดรูติดตั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์สามารถเชื่อมต่อได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ควรเลือกเคเบิ้ลยึดสายไฟที่รองรับขนาดสายไฟหรือสายเคเบิ้ลที่ใช้งานได้พอดี เพื่อป้องกันการรั่วซึมหรือปัญหาแรงดึงที่อาจทำให้สายเสียหาย ในขั้นตอนสุดท้าย การขันเกลียวควรทำด้วยความระมัดระวัง เพื่อให้แน่นพอดี ลดความเสี่ยงที่ซีลยางจะเสียหายและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน
การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเคเบิ้ลยึดสายไฟจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันฝุ่น น้ำ และแรงดึง พร้อมเสริมความปลอดภัยในระบบไฟฟ้าและการเชื่อมต่อในทุกสภาพแวดล้อม
ไม่เพียงช่วยยึดสายไฟและป้องกันความเสียหาย แต่ยังเพิ่มความปลอดภัยในระบบไฟฟ้าของคุณ ด้วยวัสดุสแตนเลสคุณภาพสูง ความทนทานต่อสภาพแวดล้อม และมาตรฐานระดับสากล ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่งานกลางแจ้งจนถึงงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยยึดสายไฟให้มั่นคง ป้องกันความเสียหายจากการดึง การสั่นสะเทือน รวมถึงป้องกันฝุ่น น้ำ และสารเคมีไม่ให้เข้าสู่ระบบสายไฟ สแตนเลสเกรด 304 ซึ่งเป็นวัสดุหลักที่ใช้ผลิต มีคุณสมบัติพิเศษที่ทนต่อการกัดกร่อน ไม่เป็นสนิม และสามารถใช้งานได้ในทุกสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรม พื้นที่กลางแจ้ง