ตู้เก็บของสแตนเลสราคาฝาทึบ
ตู้เก็บของสแตนเลสราคาฝาทึบ (Stainless Steel Floor Standing Enclosure) คือ ตู้ที่ผลิตจากวัสดุสแตนเลส มีความแข็งแรง ทนทาน และป้องกันการกัดกร่อนได้ดี เหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่ที่ต้องการความสะอาดสูง หรือในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้น ฝุ่น หรือการกัดกร่อน เช่น โรงงานอาหาร โรงงานยา ห้องคลีนรูม และพื้นที่ภายนอกอาคาร ผลิตจากสแตนเลสเกรด 304 หรือ 316 ซึ่งต้านทานสนิมและการกัดกร่อนได้ดี
ตู้สแตนเลสแบบตั้งพื้นคืออะไร?
ตู้สำหรับติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบควบคุมต่างๆ ที่ผลิตจากสแตนเลส ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของความแข็งแรง ทนสนิม และเหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้น ฝุ่น หรือสารเคมีสูง โดยตู้ชนิดนี้จะถูกออกแบบให้สามารถตั้งพื้นได้อย่างมั่นคง รองรับการติดตั้งอุปกรณ์จำนวนมาก และมีระดับการป้องกันฝุ่นละอองและน้ำ เช่น IP65 หรือ IP66
รายละเอียดสินค้าและราคา
สินค้าและบทความใกล้เคียง
วิธีเลือกขนาดตู้เก็บของสแตนเลสราคาฝาทึบให้เหมาะกับงาน
การเลือกขนาดตู้ให้เหมาะกับงานเป็นขั้นตอนที่สำคัญเพื่อให้การติดตั้งและการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มจากการประเมินจำนวนอุปกรณ์และพื้นที่ที่ต้องการสำหรับเดินสายไฟและอุปกรณ์เสริม เช่น ช่องระบายอากาศ นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงพื้นที่ที่มีในหน้างานเพื่อให้ตู้พอดีกับพื้นที่และมีพื้นที่พอสำหรับการขยายระบบในอนาคต การเลือกขนาดที่เหมาะสมยังช่วยให้การบำรุงรักษาง่ายและปลอดภัย โดยไม่ต้องรื้อถอนหรือเปลี่ยนตู้ใหม่ในอนาคต นอกจากนี้ ควรเลือกขนาดที่ให้ความสะดวกในการตรวจสอบและซ่อมแซมอุปกรณ์ภายในได้อย่างง่ายดาย
ตารางสรุปการใช้งาน
| หมวดหมู่ | รายละเอียด |
|---|---|
| การใช้งาน | – ใช้ติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น เบรกเกอร์, PLC, อินเวอร์เตอร์ |
| – ป้องกันฝุ่น น้ำ ความร้อน และการสัมผัสโดยไม่ตั้งใจ | |
| – ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร, ยา, กลางแจ้ง, โรงงานทั่วไป | |
| การทำงาน | – ทำหน้าที่เป็นจุดรวมของระบบไฟฟ้าควบคุมหรือจ่ายไฟ |
| – อุปกรณ์ภายในตู้ควบคุมการทำงานของเครื่องจักรหรือระบบไฟฟ้าต่างๆ | |
| – ช่วยจัดระเบียบสายไฟให้ปลอดภัยและตรวจสอบง่าย | |
| ขั้นตอนการติดตั้ง | 1. วางตู้บนพื้นที่เรียบและยึดให้แน่น 2. ติดตั้งอุปกรณ์ภายใน 3. เดินสายไฟอย่างปลอดภัย 4. ตรวจสอบระบบก่อนเปิดใช้งาน |
| การดูแลรักษา | – เช็ดทำความสะอาดภายนอกด้วยผ้าชุบน้ำ – ตรวจสอบการเดินสายไฟและความร้อนสะสมภายใน – ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าและพัดลมระบายอากาศเป็นประจำ |
| ข้อควรระวัง | – ห้ามเปิดตู้ขณะมีกระแสไฟ – อย่าดัดแปลงโครงสร้างตู้เอง – เลือกใช้รุ่นที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม |
ตู้เก็บของสแตนเลสราคาฝาทึบ ทำงานอย่างไร?
ตู้ไม่ได้ “ทำงาน” ด้วยตัวเอง แต่เป็น จุดรวมของการทำงานทางไฟฟ้า ที่อยู่ภายใน เช่น:
ระบบควบคุมอัตโนมัติ (Automation Control)
ติดตั้ง PLC (Programmable Logic Controller) ภายในตู้
PLC ควบคุมเครื่องจักร เช่น เปิด-ปิดมอเตอร์, อ่านเซ็นเซอร์ ฯลฯ
ตู้ควบคุมไฟฟ้า (Power Distribution)
เบรกเกอร์ในตู้จะแจกจ่ายไฟไปยังอุปกรณ์ต่างๆ
มีระบบป้องกันไฟเกิน ไฟรั่ว ไฟช็อต
ระบบทำงานร่วมกันอย่างปลอดภัย
ตู้จะช่วยป้องกันการสัมผัสส่วนที่มีกระแสไฟ
มีช่องระบายอากาศหรือพัดลมลดความร้อนในตู้
ขั้นตอนการใช้งานตู้สแตนเลสแบบตั้งพื้นอย่างถูกต้อง
วางตำแหน่งและติดตั้งตู้ เลือกพื้นที่ที่พื้นเรียบ แข็งแรง และใกล้กับอุปกรณ์ที่ต้องควบคุม ใช้พุกยึดหรือโบลต์ยึดตู้กับพื้นให้แน่นหนา ป้องกันการล้ม
เตรียมอุปกรณ์ภายในตู้ ติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าบนแผงภายในตู้ เช่น เบรกเกอร์, PLC, คอนแทคเตอร์ ฯลฯ เดินสายไฟให้เป็นระเบียบด้วยรางสาย (Wire duct) และยึดสายให้แน่น
เชื่อมต่อกับแหล่งจ่ายไฟ นำสายไฟจากแหล่งจ่ายมาต่อเข้ากับเบรกเกอร์หรือขั้วต่อที่จัดเตรียมไว้ ใช้สายดิน (Ground) เชื่อมต่อตู้เพื่อความปลอดภัย ตู้สแตนเลส
ตรวจสอบระบบก่อนใช้งาน ตรวจสอบความถูกต้องของการเดินสาย, การยึดแน่นของอุปกรณ์ และการต่อกราวด์ ปิดฝาตู้ให้สนิท และล็อกกุญแจเพื่อป้องกันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเปิดใช้งาน
การสั่งผลิตตู้สแตนเลสกันน้ำ
การสั่งผลิตตู้กันน้ำต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ประเภทของตู้ (แขวนผนัง, ตั้งพื้น, มีหลังคา) ขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน, ประเภทประตู (บานเดี่ยวหรือบานคู่), มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น (IP Rating) ที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมการใช้งาน เช่น IP55, IP65 หรือ IP66 และวัสดุที่ใช้ (สแตนเลส 304 หรือ 316) ซึ่งขึ้นอยู่กับความทนทานต่อการกัดกร่อนและสารเคมีต่างๆ การเลือกตู้ไฟฟ้าที่ตรงกับความต้องการจะช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น.
| ข้อกำหนด | คำอธิบาย |
|---|---|
| 1. ประเภทของตู้ | – ตู้แขวนผนัง (Wall-Mounted): ติดตั้งบนผนัง ประหยัดพื้นที่ เหมาะกับอุปกรณ์ขนาดเล็กหรือในพื้นที่จำกัด – ตู้ตั้งพื้น (Floor-Standing): รองรับอุปกรณ์ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับโรงงานหรือสถานีไฟฟ้า – ตู้มีหลังคา (With Roof): เหมาะสำหรับการติดตั้งกลางแจ้ง ป้องกันน้ำฝนและแสงแดดได้ดี |
| 2. ขนาดของตู้ และฟังค์ชั่นเพิ่มเติม | ขนาดต้องพิจารณาจากอุปกรณ์ที่จะติดตั้ง เช่น ขนาดของแผงควบคุมไฟฟ้า, เครื่องมือ หรือวงจรไฟฟ้า รวมถึงพื้นที่ที่ใช้ติดตั้ง |
| 3. ประเภทประตู | – บานเดี่ยว (Single Door): เหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็กและใช้งานง่าย – บานคู่ (Double Door): เหมาะกับตู้ขนาดใหญ่ที่ต้องการเปิดกว้างเพื่อเข้าถึงอุปกรณ์ |
| 4. มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น (IP Rating) | – IP55: กันฝุ่นบางส่วนและน้ำที่มีแรงดันปานกลาง – IP66: ป้องกันฝุ่น 100% และกันน้ำแรงดันสูง |
| 5. วัสดุที่ใช้ | – สแตนเลส 304: เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป ทนทานต่อการกัดกร่อน |
"5 วิธีเลือกขนาดตู้ให้เหมาะกับงาน"
ประเมินจำนวนอุปกรณ์ที่จะติดตั้งในตู้ เริ่มจากการรวบรวมรายการอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จะติดตั้งภายในตู้ เช่น เบรกเกอร์, คอนแทคเตอร์, PLC, HMI, อินเวอร์เตอร์ รวมถึงอุปกรณ์เสริมอย่างหม้อแปลงหรือพัดลมระบายอากาศ การทราบขนาดและจำนวนอุปกรณ์อย่างชัดเจนจะช่วยให้คำนวณพื้นที่ภายในตู้ได้อย่างแม่นยำ
1. คำนึงถึงพื้นที่สำหรับเดินสายไฟ แม้ตู้จะพอดีกับอุปกรณ์ แต่หากไม่มีพื้นที่เหลือสำหรับเดินสายไฟหรือยึดรางสาย ก็อาจทำให้การติดตั้งและบำรุงรักษายากขึ้น ควรเผื่อพื้นที่ว่างบริเวณด้านล่าง ด้านข้าง และด้านบนของตู้เพื่อรองรับการจัดการสายไฟอย่างเป็นระเบียบและปลอดภัย
2. เผื่อพื้นที่สำหรับการระบายอากาศและอุปกรณ์เสริม อุปกรณ์บางชนิด เช่น อินเวอร์เตอร์ หรือหม้อแปลง อาจปล่อยความร้อนออกมาระหว่างการใช้งาน การมีพื้นที่ภายในตู้เพียงพอสำหรับติดพัดลมหรือช่องระบายอากาศจะช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ และลดความเสี่ยงจากความร้อนสะสม
3. ตรวจสอบพื้นที่ติดตั้งหน้างาน ขนาดของ ตู้สแตนเลส ต้องสอดคล้องกับพื้นที่ที่มีอยู่จริง เช่น ทางเดินในห้องควบคุม, พื้นที่ข้างผนัง หรือบริเวณภายนอกอาคาร หากพื้นที่จำกัด อาจต้องเลือกตู้ขนาดกะทัดรัด หรือออกแบบพิเศษเพื่อให้เหมาะสมกับพื้นที่โดยไม่ลดประสิทธิภาพการใช้งาน
4. เผื่อพื้นที่สำหรับการขยายระบบในอนาคต ควรคำนึงถึงความเป็นไปได้ในการเพิ่มอุปกรณ์ในอนาคต เช่น เพิ่มเบรกเกอร์, ขยายช่องสัญญาณ PLC หรือเพิ่มระบบตรวจจับต่างๆ การเลือกตู้ที่มีพื้นที่เหลือเพียงพอจะช่วยลดต้นทุนและเวลาในการเปลี่ยนตู้ใหม่ในอนาคต
5. ความสะดวกในการบำรุงรักษาและความปลอดภัย ขนาดของตู้ควรเอื้อให้สามารถเปิดประตูและเข้าถึงอุปกรณ์ภายในได้อย่างสะดวก ช่างเทคนิคสามารถตรวจสอบ ซ่อมแซม หรือเปลี่ยนอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องรื้อระบบทั้งหมด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความปลอดภัยและความต่อเนื่องของการทำงาน
ผลงานสินค้าและบริการของเรา
สั่งผลิตตู้เก็บของสแตนเลสราคาฝาทึบตามสเปค
✅ สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนสั่งผลิตตู้สแตนเลสพิเศษ
- ขนาดภายนอกและพื้นที่ภายใน
กำหนดความกว้าง x สูง x ลึก ของตู้ให้เหมาะกับหน้างาน และคำนวณพื้นที่ภายในจากจำนวนอุปกรณ์ที่ต้องติดตั้ง รวมถึงเว้นพื้นที่สำหรับเดินสายไฟ, ระบายความร้อน และการขยายระบบในอนาคต - วัสดุและเกรดของสแตนเลส
เลือกใช้ สแตนเลสเกรด 304 สำหรับงานทั่วไปในโรงงาน และ เกรด 316 หากใช้ในพื้นที่ใกล้ทะเล มีความชื้นสูง หรือมีสารเคมีกัดกร่อน เช่น โรงงานอาหารหรือยา - รูปแบบการใช้งานและฟังก์ชันเพิ่มเติม
ระบุว่าต้องการตู้แบบเปิดด้านหน้า/หลัง, มีหลังคากันฝน, ช่องเดินสายด้านล่าง, หน้าต่างใส หรือระบบระบายอากาศแบบติดพัดลม/ฟิลเตอร์ เพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะงาน - ระดับการป้องกัน (IP Rating)
เลือก IP65–IP66 หากใช้งานกลางแจ้งหรือในพื้นที่มีน้ำและฝุ่นมาก หากเป็นห้องควบคุมทั่วไป IP54 ก็เพียงพอ แต่ต้องชัดเจนก่อนผลิตเพื่อออกแบบซีลยางและโครงสร้างตู้ให้เหมาะสม - ระบบติดตั้งและอุปกรณ์เสริมภายใน
กำหนดจำนวนแผงติดตั้งภายใน (Mounting Plate), รางเดินสายไฟ (DIN Rail), Terminal Block หรือช่องติดพัดลมระบายอากาศ เพื่อให้ผู้ผลิตเตรียมติดตั้งตามตำแหน่งที่กำหนด - มาตรฐานการผลิตและการรับรอง
หากตู้จะใช้ในงานที่ต้องผ่านมาตรฐาน เช่น งานราชการ โรงไฟฟ้า หรืองานอุตสาหกรรมที่ต้องตรวจสอบ ควรแจ้งให้ผู้ผลิตรับรองมาตรฐานที่ต้องการ เช่น ISO, CE, หรือมาตรฐานกันไฟ
สอบถามและปรึกษาเกี่ยวกับสินค้าได้โดยตรง
บริการนำเข้าทางเครื่องบิน (Air Freight)
มีสต็อกพร้อมส่งในประเทศ รองรับการใช้งานได้ทันที
✅ จัดส่งได้ทันทีภายใน 1–2 วันทำการ
✅ ปริมณฑล และต่างจังหวัด 2-3 วันทำการ (ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการขนส่งเอกชน) **สามารถระบุได้
สั่งผลิตตามขนาดและความต้องการใช้งานได้
✅เลือกขนาดได้อิสระ: กำหนด ความกว้าง x ความสูง x ความลึก ตามพื้นที่ใช้งาน









