รางกระดูกงู
รางกระดูกงู (Cable Drag Chain) คือ อุปกรณ์สำหรับจัดระเบียบและป้องกันสายไฟหรือสายสัญญาณต่างๆ ที่ต้องเคลื่อนไหวตามเครื่องจักรหรือระบบอัตโนมัติ โดยรางจะมีลักษณะเป็นข้อๆ คล้ายกระดูกงู ซึ่งสามารถโค้งงอและเคลื่อนที่ไป-กลับตามแนวการทำงานของเครื่องจักรได้อย่างราบรื่น มีให้เลือกหลายแบบ เช่น แบบเปิดด้านบน (Open Type), แบบปิดทึบ (Fully Enclosed) รวมถึงวัสดุที่แตกต่าง เช่น พลาสติก (PA6), เหล็กกัลวาไนซ์, หรือสแตนเลส ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและสภาพแวดล้อ
รางกระดูกงูทำหน้าที่ยึดและปกป้องสายไฟอย่างไร?
Cable Drag Chain ทำหน้าที่หลักในการ จัดเก็บ ยึด และป้องกันสายไฟหรือสายสัญญาณ ที่ต้องเคลื่อนที่ไปพร้อมกับเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่มีการขยับ โดยช่วยป้องกันไม่ให้สายพันกัน ขาด เสียหาย หรือเกิดการเสียดสีระหว่างการใช้งาน ป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วย ยึดสายไฟให้มั่นคง ปลอดภัย และเป็นระเบียบ โดยเฉพาะในระบบอัตโนมัติ, หุ่นยนต์, เครื่องจักร CNC และอุตสาหกรรมหนักอื่นๆ
รายละเอียดสินค้าและราคา
วิธีเลือกวัสดุรางกระดูกงูที่เหมาะสมสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ
การเลือกวัสดุรที่เหมาะสมสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและสภาพแวดล้อม เช่น กระดูกงูพลาสติก PA6 เหมาะสำหรับงานทั่วไปที่ไม่สัมผัสกับสารเคมีหรืออุณหภูมิสูง เพราะมีน้ำหนักเบาและราคาประหยัด ส่วนเหล็กชุบกัลวาไนซ์เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือการกัดกร่อน เนื่องจากมีความทนทานสูง ส่วนสแตนเลสเหมาะกับอุตสาหกรรมที่ต้องการความทนทานสูงในสภาพแวดล้อมที่มีการกัดกร่อนหรืออุณหภูมิสูง เช่น อุตสาหกรรมเคมีหรืออาหาร
ตารางการใช้งานและวัสดุของ (Cable Drag Chain)
| วัสดุ | การใช้งาน | คุณสมบัติเด่น |
|---|---|---|
| พลาสติก PA6 | งานเบา, การใช้งานทั่วไป, สภาพแวดล้อมไม่รุนแรง | ราคาประหยัด, ทนทานต่อการเสียดสี, น้ำหนักเบา |
| เหล็กชุบกัลวาไนซ์ | งานอุตสาหกรรมหนัก, งานที่ต้องการความทนทานต่อสารเคมี | ทนทานต่อการกัดกร่อน, รองรับแรงกระแทกสูง |
| สแตนเลส | งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงหรือสารเคมีที่กัดกร่อน | ทนทานต่อการกัดกร่อน, อายุการใช้งานยาวนาน |
| ไฟเบอร์กลาส | สภาพแวดล้อมที่มีสารเคมี, งานที่ต้องการการเคลื่อนที่บ่อย | ทนต่อการกัดกร่อน, เบา, มีความยืดหยุ่นสูง |
| เหล็กกล้าชุบแข็ง | รองรับน้ำหนักมาก, งานที่ต้องการความแข็งแรงสูง | แข็งแรง, รองรับแรงกระแทกและการสึกหรอสูง |
| อลูมิเนียม | ใช้งานในงานทั่วไปและสภาพแวดล้อมที่ไม่กัดกร่อน | เบา, ทนทาน, เหมาะกับการเคลื่อนที่บ่อยๆ |
ประเภทตามลักษณะของการใช้งานกระดูกงูร้อยสายไฟ
สามารถแบ่งตามวัสดุได้หลัก ๆ เป็น 3 ประเภทคือ พลาสติก PA6, เหล็กชุบกัลวาไนซ์, และ สแตนเลสสตีล ซึ่งแต่ละชนิดมีจุดเด่นเฉพาะตัว พลาสติก PA6 น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ทนสารเคมีและแรงกระแทก เหมาะกับงานทั่วไป ส่วนเหล็กชุบกัลวาไนซ์แข็งแรง ทนความร้อนและสภาวะแวดล้อมหนัก เช่น ฝุ่นหรือแรงสั่น ส่วนสแตนเลสเหมาะกับงานกลางแจ้ง พื้นที่มีความชื้นหรือสารกัดกร่อน เช่น อุตสาหกรรมอาหารและทะเล เลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพงานจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น
✅ พลาสติก (PA6)น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ทนแรงกระแทกและสารเคมีได้ดี
✅ เหล็กชุบกัลวาไนซ์ (Galvanized Steel) แข็งแรง เหมาะกับงานอุตสาหกรรมหนัก
✅ สแตนเลส (Stainless Steel) ทนสนิม ทนเคมีและความร้อนสูง เหมาะกับอุตสาหกรรมอาหาร/ยา
เทคนิคและความสำคัญ การยึดสายไฟใน Cable drag chain
การเลือกขนาดรางให้เหมาะกับสายไฟ : ควรเว้นพื้นที่ภายในรางอย่างน้อย 10% ทั้งในแนวกว้างและแนวสูง เพื่อให้สายไฟสามารถเคลื่อนที่ได้โดยไม่เสียดสีกัน และไม่เกิดแรงดันที่ทำให้สายขาดหรือเสียหาย
การจัดวางสายอย่างเป็นระเบียบ : สายไฟควรจัดเรียงในแนวขนาน ไม่บิดหรือไขว้กัน และควรแบ่งช่องแยก (หากใช้รางแบบมีแผ่นกั้นหรือ Support Plate) เพื่อแยกสายไฟแรงดันสูง, สายสัญญาณ, หรือลม/ของเหลว ออกจากกัน รางกระดูกงูเหล็ก
การใช้แผ่นยึด (Clamp / Strain Relief) :ควรมีการยึดสายไฟด้วยแคลมป์ เพื่อไม่ให้สายเคลื่อนตัวหรือหลุดจากตำแหน่งระหว่างการใช้งาน
การป้องกันแรงดึงที่ปลายสาย :ช่วยลดแรงดึงที่ส่งไปยังขั้วต่อหรือปลายสาย โดยทำหน้าที่รับแรงดึงและกระจายแรงให้เกิดความยืดหยุ่น ซึ่งช่วยลดความเสียหายที่มักเกิดจากแรงฉุด
วัสดุที่ใช้ในการผลิตรางกระดูกงูมีหลากหลายชนิด
วัสดุหลัก 3 ประเภท ได้แก่ พลาสติก (PA6), เหล็กกัลวาไนซ์, และสแตนเลส โดยแต่ละวัสดุมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน พลาสติกมีน้ำหนักเบาและทนทานต่อการเสียดสี เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป รางเหล็กกัลวาไนซ์เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง และรางสแตนเลสมีความแข็งแรงสูง ทนทานต่อสารเคมีและความร้อน เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีความรุนแรงหรือสารเคมี
| ข้อกำหนด | คำอธิบาย |
|---|---|
| ประเภทของกระดูกงู | – แบบโปร่ง (Open Type): เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ไม่มีสารเคมีหรือฝุ่นสะสม ระบายอากาศดีและสามารถดูแลรักษาได้ง่าย |
| – แบบปิดทึบ (Fully Enclosed): ป้องกันฝุ่นและสารเคมีจากภายนอก เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่ต้องการป้องกันการปนเปื้อนและความเสียหายจากสภาพแวดล้อมที่รุนแรง | |
| – แบบทึบบนโปร่งล่าง (Semi-Enclosed): เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการการระบายอากาศในระดับหนึ่ง เช่น พื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวบ่อยครั้ง และยังสามารถป้องกันฝุ่นจากด้านบนได้ | |
| วัสดุที่ใช้ | – พลาสติก PA6: น้ำหนักเบา ทนทานต่อการเสียดสี เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นสารเคมีหรือฝุ่นละออง |
| – เหล็กชุบกัลวาไนซ์สตีล : ทนทานต่อการกัดกร่อน เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความทนทานสูงและสามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมีหรือฝุ่น | |
| – สแตนเลส (Stainless Steel): แข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อนและสารเคมีสูง เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมีหรือความร้อนสูง | |
| การปรับขนาดรางและเพลท | – เหล็กชุบกัลวาไนซ์สตีล: สามารถการออกแบบรางและ Plate ให้สามารถปรับขนาดได้หลากหลาย ทั้งความกว้าง ความสูง และความยาวของราง รองรับสายไฟและท่อหลากหลายขนาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
| – สแตนเลส (Stainless Steel): สามารถออกแบบรางและ Plate ได้เหมือนรางเหล็ก |
ข้อดีและข้อเสียของรางกระดูกงูพลาสติกเทียบรางเหล็ก
การเลือกใช้ รางพลาสติก หรือ รางเหล็ก ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความทนทานต่อการเสียดสี, การบำรุงรักษา, และค่าใช้จ่ายระยะยาวพลาสติก มีข้อดีในเรื่องของการติดตั้งที่ง่ายและสามารถเลือกใช้วัสดุที่ทนทานต่อสารเคมีหรือการกัดกร่อนได้ดีในบางกรณี เช่น พลาสติก PA6 สำหรับงานที่มีการสัมผัสสารเคมีบ่อยครั้งในทางตรงกันข้าม, Cable drag chain เหล็ก เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องเผชิญกับแรงกระแทกหรือการสั่นสะเทือน เช่น ในอุตสาหกรรมการผลิตหนัก และสามารถรองรับน้ำหนักได้มากกว่าการเลือกวัสดุที่เหมาะสมจะช่วยยืดอายุการใช้งานและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของระบบราง
อุตสาหกรรมการผลิตหนัก ใช้ใช้วัสดุเหล็กชุบกัลวาไนซ์ (Galvanized Steel) หรือสแตนเลส เหมาะกับการใช้งานที่มีแรงกระแทกสูงหรือสภาพแวดล้อมที่มีความร้อนและการสั่นสะเทือน เช่น โรงงานผลิตเหล็กหรือการขุดเจาะเหมืองแร่
อุตสาหกรรมอาหารและยา ใช้วัสดุพลาสติกที่ทนทานต่อสารเคมีและการกัดกร่อน เช่น พลาสติก PA6 หรือ PVC เหมาะสำหรับการใช้งานในโรงงานผลิตอาหารที่ต้องการความสะอาดและการป้องกันการปนเปื้อน
อุตสาหกรรมการขนส่งและยานยนต์ ใช้วัสดุพลาสติกที่มีความทนทานและรับน้ำหนักได้มาก เพื่อรองรับการขนส่งชิ้นส่วนในระบบลำเลียงที่ต้องการความแข็งแรง
อุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้า ใช้วัสดุพลาสติกสำหรับงานที่ต้องการความทนทานต่อสารเคมีและความร้อนต่ำ เช่น โรงงานผลิตไฟฟ้าหรือการเดินสายไฟในอาคารสูง ☑ รางกระดูกงู
การติดตั้งในพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวสูง ใช้รางแบบโปร่ง (Open Type) เพื่อให้การระบายอากาศดีและสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในพื้นที่ที่ต้องมีการเคลื่อนไหวบ่อยๆ
อุตสาหกรรมที่ต้องการป้องกันฝุ่นหรือสารเคมี ใช้กระดูกงูปิดทึบ (Fully Enclosed) เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีฝุ่นหรือสารเคมีที่อาจทำลายสายไฟหรืออุปกรณ์ภายใน เช่น ห้องคลีนรูมหรือการติดตั้งในพื้นที่อุตสาหกรรมเคมี
ผลงานสินค้าและบริการของเรา
การเลือกใช้งานรางกระดูกงู Heavy Duty (งานหนัก)
การแบ่งประเภทตามลักษณะการใช้งาน (Light Duty) และ (Heavy Duty) มีความสำคัญในการเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความต้องการใช้งานต่าง ๆ ดังนี้:
1. Light Duty (งานเบา) ลักษณะการใช้งาน: ใช้สำหรับการเคลื่อนย้ายสายไฟในพื้นที่ที่ไม่ต้องการความทนทานสูง เช่น ระบบไฟฟ้าภายในอาคารทั่วไป, อุปกรณ์สำนักงาน, หรือเครื่องจักรที่มีการเคลื่อนไหวน้อย
วัสดุที่เหมาะสม: พลาสติก PA6 พลาสติกขนาดเล็กขนาดตั้งแต่ 7.7 – 18.50
2. Heavy Duty (งานหนัก)ลักษณะการใช้งาน: ใช้ในสภาพแวดล้อมที่มีการเคลื่อนไหวของสายไฟหนัก, การสั่นสะเทือน, แรงกระแทก หรือมีน้ำหนักสูง เช่น โรงงานอุตสาหกรรมหนัก, ระบบขนส่งในเหมืองแร่, หรือเครื่องจักรที่ต้องรับน้ำหนักมาก
วัสดุที่เหมาะสม:
เหล็กชุบกัลวาไนซ์ (Galvanized Steel) หรือ สแตนเลส: ทนทานต่อการกัดกร่อนและสามารถรองรับน้ำหนักได้มาก
กระดูกงูแบบโปร่ง (Open Type): ช่วยให้ระบายอากาศได้ดีและมีน้ำหนักเบา หรือแบบแบบปิดทึบ (Fully Enclosed) หรือ แบบทึบบนโปร่งล่าง (Semi-Close): ป้องกันฝุ่นหรือสารเคมีจากภายนอกและรองรับการเคลื่อนย้ายในสภาพแวดล้อมที่มีแรงกระแทกหรือสั่นสะเทือนสูง
สอบถามและปรึกษาเกี่ยวกับสินค้าได้โดยตรง
บริการนำเข้าทางเครื่องบิน (Air Freight)
มีสต็อกพร้อมส่งในประเทศ รองรับการใช้งานได้ทันที
✅ จัดส่งได้ทันทีภายใน 1–2 วันทำการ
✅ ปริมณฑล และต่างจังหวัด 2-3 วันทำการ (ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการขนส่งเอกชน) **สามารถระบุได้
สั่งผลิตตามขนาดและความต้องการใช้งานได้
✅เลือกขนาดได้อิสระ: กำหนด ความกว้าง x ความสูง x ความลึก ตามพื้นที่ใช้งาน















