เคเบิ้ลแกลนใช้ทําอะไร
เคเบิ้ลแกลนใช้สำหรับการป้องกันไม่ให้สายไฟหลุดหรือขยับจากแรงดึง แรงสั่นสะเทือน หรือแรงกระแทกต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้งาน นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันน้ำ ฝุ่น และสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่จุดเชื่อมต่อของสายไฟ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการลัดวงจรหรือไฟฟ้ารั่ว วัสดุมีให้เลือกหลากหลาย เช่น พลาสติกไนลอน ทองเหลือง หรือสแตนเลส เพื่อให้เหมาะกับแต่ละสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นงานภายในอาคาร กลางแจ้ง หรือในอุตสาหกรรมหนัก การเลือกขนาดและประเภทเกลียวที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการติดตั้งระบบไฟฟ้าอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
เคเบิ้ลแกลนใช้ทําอะไร?
เคเบิ้ลแกลน (Cable Gland) เป็นอุปกรณ์สำคัญในงานติดตั้งระบบไฟฟ้า มีหน้าที่หลักในการ ยึด รัด และป้องกันสายไฟหรือสายเคเบิล ไม่ให้เคลื่อนที่หรือหลุดจากอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ตู้ควบคุมไฟฟ้า กล่องพักสาย หรือเครื่องจักร เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ อย่างมั่นคงและปลอดภัย
รายละเอียดสินค้าและราคา
สินค้าและบทความใกล้เคียง
การติดตั้งเคเบิ้ลแกลนช่วยยืดอายุการใช้งานสายไฟ
การติดตั้งอย่างถูกต้องจะช่วยยืดอายุการใช้งานของสายไฟ ลดความเสียหายจากแรงดึงหรือการขยับของสายในระยะยาว อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความเป็นระเบียบในงานเดินสายไฟ โดยเฉพาะในระบบที่มีสายจำนวนมาก มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น เช่น IP68 ยังสามารถใช้ในงานกลางแจ้งหรือพื้นที่ที่มีความชื้นสูงได้อย่างมั่นใจ การเลือกที่เหมาะสมกับประเภทของสายไฟ เช่น สายกลมหรือสายแบน ก็มีผลต่อประสิทธิภาพในการยึดและป้องกัน gป็นอุปกรณ์เล็กที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในงานระบบไฟฟ้าและระบบอัตโนมัติทุกประเภท
อตารางเปรียบเทียบเคเบิ้ลแกลนแต่ละประเภท
ประเภทเคเบิ้ลแกลน | วัสดุ | การใช้งานที่เหมาะสม |
---|---|---|
พลาสติก (Plastic) | PA66 (โพลิเอไมด์) | งานทั่วไปในอาคาร ตู้ไฟฟ้า เครื่องจักรที่ไม่สัมผัสสารเคมีหรือความชื้น |
ทองเหลืองชุบนิกเกิล (Nickel-Plated Brass) | ทองเหลืองชุบนิกเกิล | งานอุตสาหกรรมทั่วไป ระบบที่ต้องการความแข็งแรง ทนความร้อน |
สแตนเลส (Stainless Steel) | สแตนเลสเกรด 304/316 | งานกลางแจ้ง ใกล้ทะเล อุตสาหกรรมอาหาร ยา หรือสารเคมีรุนแรง |
กันระเบิด (Explosion Proof) | ทองเหลืองหรือสแตนเลสพิเศษ | พื้นที่เสี่ยงระเบิด เช่น โรงกลั่น น้ำมัน ก๊าซ โรงงานเคมี |
สำหรับสายหุ้มเกราะ (Armoured) | ทองเหลือง/สแตนเลส พร้อมซีลพิเศษ | งานที่ใช้สายเกราะ มีแรงสั่นสะเทือนสูง ต้องการความยึดแน่น |
Cable gland มีหน้าที่หลักดังนี้:
ยึดสายไฟให้แน่นหนา: ป้องกันไม่ให้สายไฟหลุดหรือขยับจากแรงดึงหรือแรงสั่นสะเทือน
ป้องกันน้ำและฝุ่น: มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น เช่น IP68 ทำให้เหมาะสำหรับใช้งานภายนอกอาคารหรือในโรงงาน
ลดความเสียหายต่อสายไฟ: ช่วยลดแรงกระชากหรือการเสียดสีของสายไฟในจุดเชื่อมต่อ
เพิ่มความปลอดภัยในระบบไฟฟ้า: ป้องกันการลัดวงจรที่อาจเกิดจากความชื้นหรือฝุ่น เคเบิ้ลแกลน
ทำให้การติดตั้งดูเป็นระเบียบเรียบร้อย: โดยเฉพาะในระบบตู้ควบคุมไฟฟ้า กล่องพักสาย หรืองานติดตั้งที่ต้องการมาตรฐานสูง
ประเภทและลักษณะการใช้งาน
Plastic Cable Gland – ผลิตจากวัสดุ PA66 (โพลิเอไมด์) น้ำหนักเบา ทนต่อแรงกระแทก เหมาะสำหรับงานทั่วไปในอาคารหรือเครื่องจักร
Nickel-Plated Brass – แข็งแรง ทนความร้อน และป้องกันการกัดกร่อนได้ดี เหมาะสำหรับงานอุตสาหกรรมทั่วไป
Stainless Steel Cable Gland – ทนต่อสนิมและสารเคมี เหมาะสำหรับงานกลางแจ้งหรืออุตสาหกรรมอาหารและยา
Explosion Proof Cable Gland – ออกแบบพิเศษเพื่อใช้ในพื้นที่เสี่ยงระเบิด เช่น โรงกลั่น โรงงานปิโตรเคมี
Armoured Cable Gland – ใช้กับสายไฟแบบมีเกราะโลหะ ช่วยยึดสายให้มั่นคง และป้องกันการดึงหลุดในสภาพงานที่มีแรงสั่นสะเทือนสูง
ความสำคัญและการเลือกใช้งาน
เคเบิ้ลแกลนเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยยึดและป้องกันสายไฟให้มั่นคง ปลอดภัย และเป็นระเบียบ ลดความเสี่ยงจากฝุ่น น้ำ และแรงดึงที่อาจทำให้สายไฟเสียหาย การเลือกใช้ให้เหมาะสมกับประเภทของสาย วัสดุ และสภาพแวดล้อมจึงมีความสำคัญ เช่น งานทั่วไปควรใช้พลาสติก PA66 ส่วนงานใกล้ทะเลหรือในอุตสาหกรรมเคมีควรใช้แบบสแตนเลสหรือทองเหลืองชุบนิกเกิล นอกจากนี้ยังควรเลือกเกลียวให้ตรงกับอุปกรณ์ เช่น PG, M หรือ NPT เพื่อให้ติดตั้งได้อย่างพอดีและปลอดภัย โดยมีความสำคัญดังนี้:
การป้องกันการรั่วซึมของน้ำและฝุ่น: สามารถป้องกันน้ำและฝุ่นจากภายนอกที่อาจเข้าสู่การเชื่อมต่อของสายไฟ ซึ่งอาจทำให้เกิดการลัดวงจรหรือเสียหายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า โดยที่มีมาตรฐาน IP68 จะป้องกันน้ำและฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ป้องกันการกัดกร่อน: ผลิตจากวัสดุทนทาน เช่น สแตนเลสเกรด 304 หรือทองเหลืองชุบนิกเกิล มีความสามารถในการทนต่อการกัดกร่อนจากความชื้น น้ำทะเล หรือสารเคมีต่าง ๆ ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าในสภาพแวดล้อมที่มีความรุนแรง
ลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนที่ของสายไฟ: การใช้ยึดสายไฟให้แน่นและไม่เคลื่อนที่ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดความเสียหายที่อาจเกิดจากการดึงหรือการเคลื่อนที่ของสายไฟ ที่อาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือปัญหาทางไฟฟ้าอื่น ๆ
การป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิต: บางประเภทมีคุณสมบัติในการป้องกันไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Discharge) ซึ่งสามารถช่วยลดปัญหาจากสัญญาณรบกวนแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) ที่อาจเกิดขึ้นได้ในบางสภาพแวดล้อม
การติดตั้งที่ปลอดภัยและสะดวก: ช่วยให้งานติดตั้งระบบไฟฟ้าง่ายและปลอดภัย เพราะมันช่วยยึดสายไฟให้มั่นคงและไม่ขยับระหว่างการติดตั้งหรือใช้งานจริง ลดความเสี่ยงจากการบิดพันหรือการขัดข้องของระบบไฟฟ้า
- เหมาะสำหรับหลากหลายอุตสาหกรรม: มีความสำคัญในหลายสาขา เช่น อุตสาหกรรมเคมี, พลังงาน, อุตสาหกรรมอาหาร, เครื่องจักรระบบอัตโนมัติ, การขนส่ง และการไฟฟ้า โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากการเกิดระเบิดหรือสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือสารเคมีเป็นส่วนประกอบ
วิธีติดตั้งที่ถูกต้อง ปลอดภัยตามมาตรฐานไฟฟ้า
เคเบิ้ลแกลนใช้ทําอะไร? การติดตั้งเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการสร้างระบบไฟฟ้าที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การติดตั้งที่ถูกต้องจะช่วยป้องกันการรั่วไหลของน้ำและฝุ่น รวมถึงลดความเสี่ยงจากการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรและอันตรายจากการบำรุงรักษาที่ไม่ถูกวิธี โดยขั้นตอนในการติดตั้งมีดังนี้:
เลือกขนาดและประเภทที่เหมาะสม เลือกขนาดและประเภทที่เหมาะสมกับเส้นผ่านศูนย์กลางของสายไฟ (Outer Diameter) และเกลียวที่ใช้งาน เช่น PG, M หรือ NPT เพื่อให้การเชื่อมต่อเป็นไปอย่างถูกต้องและมั่นคง เคเบิ้ลแกลน
เตรียมพื้นที่ติดตั้ง ตรวจสอบและทำความสะอาดพื้นที่ที่ เช่น ขอบกล่องหรือท่อที่ต้องการเชื่อมต่อ เพื่อให้ไม่มีสิ่งสกปรกหรือสารเคมีตกค้าง ซึ่งอาจทำให้เกิดการกัดกร่อนหรือรั่วซึมได้
การติดตั้ง นำ Cable gland ใส่เข้ากับช่องที่เตรียมไว้ จากนั้นหมุนเกลียวให้แน่นพอสมควร (ไม่ควรขันแน่นเกินไปเพื่อลดความเสี่ยงจากการแตกหักของวัสดุ) ให้แน่ใจว่ายึดแน่นกับสายไฟและไม่หลุดออกได้
ตรวจสอบความแน่นและความปลอดภัย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าถูกติดตั้งอย่างมั่นคง และไม่มีการเคลื่อนที่ของสายไฟ หรือการรั่วซึมของน้ำ ฝุ่น หรือสารเคมีภายนอก ตรวจสอบว่าการติดตั้งสามารถรองรับสภาวะการใช้งานได้ตามที่ออกแบบมา
การปฏิบัติตามมาตรฐานและข้อกำหนด ปฏิบัติตามมาตรฐานไฟฟ้าที่เกี่ยวข้อง เช่น IEC, UL หรือมาตรฐานในท้องถิ่น (เช่น มาตรฐานการป้องกัน IP) เพื่อให้การติดตั้งเป็นไปตามข้อกำหนดความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการใช้งาน
ผลงานสินค้าและบริการของเรา
เคเบิ้ลแกลนใช้ทําอะไร? ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
การเลือกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายใน (Inner Diameter) ที่เหมาะสมกับเส้นผ่านศูนย์กลางของสายไฟ (Outer Diameter) เป็นเรื่องสำคัญในการติดตั้งระบบไฟฟ้า เพื่อให้การยึดรัดสายไฟมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ดังนี้:
การเลือกขนาดที่พอดี:
ขนาด Inner Diameter ควรตรงหรือใกล้เคียงกับขนาด Outer Diameter ของสายไฟ เพื่อให้สายไฟสามารถผ่านได้อย่างง่ายดาย แต่ยังคงแน่นหนาไม่หลุดออกจากการยึดรัดได้หลีกเลี่ยงขนาดที่เล็กเกินไป:
หากเลือกขนาดที่เล็กเกินไป จะไม่สามารถใส่สายไฟได้ และอาจทำให้สายไฟเสียหายจากการบีบตัว หรือยากต่อการติดตั้ง ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาในการทำงานหรือการเชื่อมต่อสายไฟการยึดที่มั่นคง:
ขนาดที่พอดีกับสายไฟจะช่วยให้การยึดสายไฟทำได้อย่างมั่นคง ลดการเคลื่อนที่ของสายไฟที่อาจทำให้เกิดการชำรุดจากการสั่นสะเทือน หรือการดึงการพิจารณากระแสไฟฟ้าและการป้องกัน:
การเลือกขนาดที่เหมาะสมยังช่วยให้ระบบไฟฟ้ามีการทำงานที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงจากการรั่วซึมหรือการระเบิดในกรณีที่มีการใช้งานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงการตรวจสอบขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง:
ก่อนเลือกขนาด ควรตรวจสอบเส้นผ่านศูนย์กลางของสายไฟอย่างละเอียด และเลือกที่มีขนาด Inner Diameter ใหญ่กว่าหรือพอดีกับขนาดสายไฟเล็กน้อย เพื่อให้การติดตั้งเป็นไปอย่างราบรื่น
สอบถามและปรึกษาเกี่ยวกับสินค้าได้โดยตรง
บริการนำเข้าทางเครื่องบิน (Air Freight)
มีสต็อกพร้อมส่งในประเทศ รองรับการใช้งานได้ทันที
✅ จัดส่งได้ทันทีภายใน 1–2 วันทำการ
✅ ปริมณฑล และต่างจังหวัด 2-3 วันทำการ (ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการขนส่งเอกชน) **สามารถระบุได้
สั่งผลิตตามขนาดและความต้องการใช้งานได้
✅เลือกขนาดได้อิสระ: กำหนด ความกว้าง x ความสูง x ความลึก ตามพื้นที่ใช้งาน