ตู้แขวนสแตนเลส
ตู้แขวนสแตนเลส (Wall-Mount Stainless Steel Enclosure) คือ ตู้ไฟฟ้าที่ออกแบบมาสำหรับยึดติดผนัง ใช้สำหรับติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมไฟฟ้า หรือวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในสภาพแวดล้อมที่ต้องการความทนทาน ทนสนิม และกันน้ำ กันฝุ่นได้ดี วัสดุสแตนเลส 304 หรือ 316 (เหมาะกับพื้นที่ที่มีความชื้นหรือไอเคมี ระดับป้องกัน IP55 ป้องกันฝุ่นและน้ำในระดับทั่วไป IP66 กันฝุ่น 100% และทนน้ำแรงดันสูง เหมาะกับพื้นที่กลางแจ้งหรือโรงงานอาหาร
สินค้าแนะนำและใกล้เคียง
ตู้แขวนสแตนเลสคืออะไร?
ตู้สำหรับติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าแบบติดผนัง ผลิตจาก แผ่นสแตนเลสคุณภาพสูง ใช้ป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในจากฝุ่น น้ำ ความชื้น และการกัดกร่อน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ต้องการมาตรฐานความสะอาดหรือมีการใช้งานหนัก เช่น อุตสาหกรรมอาหาร ยา โรงงานแปรรูป โรงไฟฟ้า หรือในพื้นที่กลางแจ้ง
รายละเอียดสินค้าและราคา
Stainless Steel Wall-Mount Enclosure คือ
Stainless Steel Wall-Mount Enclosure คือ ตู้สำหรับติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบควบคุมที่ออกแบบให้ แขวนหรือติดกับผนัง ได้โดยตรง โครงสร้างผลิตจากสแตนเลสเกรดอุตสาหกรรม เช่น SUS 304 หรือ 316 ที่ทนต่อการกัดกร่อนและความชื้นได้ดี เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่ต้องการความสะอาด ความทนทาน หรือมีสารเคมี/น้ำเข้ามาเกี่ยวข้อง
ตารางขนาดยอดนิยม
| ขนาด (Wx HxD) | การใช้งานทั่วไป |
|---|---|
| 200 x 300 x 150 mm | วงจรง่ายๆ เช่น ไฟสัญญาณหรือ Breaker เดี่ยว |
| 400 x 500 x 200 mm | ระบบควบคุมเบื้องต้น เช่น Soft Starter |
| 600 x 800 x 250 mm | ระบบควบคุมหลายอุปกรณ์ มีเบรกเกอร์, คอนแทคเตอร์, PLC |
| 800 x 1000 x 300 mm | งานระบบใหญ่ มีอุปกรณ์จำนวนมาก |
หมายเหตุ: ขนาดสามารถ สั่งทำพิเศษ (Custom) ได้ตามแบบหรือความต้องการหน้างาน
ช่องร้อยสาย/ช่องเจาะ (Cable Entry / Knockout)
พื้นตู้ด้านล่างหรือด้านข้างมีจุดเจาะสำหรับร้อยสาย
รองรับการติดตั้ง Cable Gland หรือท่อร้อยสาย (Flexible Conduit)
บางรุ่นมี แผ่นรู Knock-out มาให้ล่วงหน้าเพื่อความสะดวก
อุปกรณ์เสริม (Accessories – แล้วแต่รุ่นยี่ห้อ)
Rain Hood – หลังคากันน้ำฝน สำหรับตู้ที่ติดตั้งภายนอก
Filter Fan หรือ Ventilation Grill – สำหรับระบายความร้อน
DIN Rail / Terminal Bar – ใช้ติดอุปกรณ์ภายในเพิ่มเติม
Earthing Terminal – จุดต่อสายดินภายในตู้
ขนาดและโครงสร้างตู้สแตนเลส
ขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 200×300×150 mm จนถึง 1000×2000×300 mm หรือสั่งทำพิเศษ
แผ่นหลัง (Mounting Plate): สำหรับติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น เบรกเกอร์, คอนแทคเตอร์, อินเวอร์เตอร์
ฝาหน้าตู้: มีซีลยาง EPDM หรือ PU เพื่อป้องกันน้ำเข้า พร้อมระบบล็อกแน่นหนา เช่น ล็อกกุญแจแบบ quarter-turn
โครงสร้างแบบเชื่อมอัดแน่น (Welded Seamless): ลดช่องโหว่และการรั่วซึม ตู้สแตนเลส
ช่องต่อสายไฟ (Cable Entry): สามารถเจาะเพิ่มเติมหรือมี Knock-out ไว้ล่วงหน้า
ข้อดีของตู้แขวนสแตนเลส
ทนต่อสนิมและการกัดกร่อน แม้ในพื้นที่ความชื้นสูงหรือมีไอเคมี
ดูแลรักษาง่าย พื้นผิวเรียบ ไม่มีสีหลุดลอก
เหมาะกับอุตสาหกรรมเฉพาะทาง เช่น อาหาร ยา ห้องคลีนรูม
รองรับงานภาคสนามหรือกลางแจ้ง ด้วยระดับ IP55-IP66
ติดตั้งง่าย แขวนกับผนังหรือโครงเหล็กได้โดยตรง
ทนสนิมและทนเคมี: เหมาะกับโรงงานอาหาร ยา หรือพื้นที่ใกล้ทะเล
แข็งแรง อายุใช้งานยาวนาน: โครงไม่บิดงอง่าย แม้ใช้งานหนัก
ดูแลรักษาง่าย: ผิวเรียบ ไม่เป็นสนิม ไม่ลอกสี ทำความสะอาดได้ง่าย
การสั่งผลิตตู้สแตนเลสกันน้ำ
New series
2025
การติดตั้ง ตู้แขวนสแตนเลส อย่างถูกต้องและปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญเพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของตู้และอุปกรณ์ไฟฟ้าภายใน ด้วยการเลือกตำแหน่งติดตั้งที่เหมาะสม, การยึดติดตู้ให้มั่นคง, การเชื่อมต่อไฟฟ้าอย่างปลอดภัย, และการป้องกันน้ำและฝุ่นจะช่วยให้ตู้มีความทนทานและปลอดภัยในระยะยาว
| ข้อกำหนด | คำอธิบาย |
|---|---|
| 1. ประเภทของตู้ | – ตู้แขวนผนัง (Wall-Mounted): ติดตั้งบนผนัง ประหยัดพื้นที่ เหมาะกับอุปกรณ์ขนาดเล็กหรือในพื้นที่จำกัด – ตู้ตั้งพื้น (Floor-Standing): รองรับอุปกรณ์ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับโรงงานหรือสถานีไฟฟ้า – ตู้มีหลังคา (With Roof): เหมาะสำหรับการติดตั้งกลางแจ้ง ป้องกันน้ำฝนและแสงแดดได้ดี |
| 2. ขนาดของตู้ และฟังค์ชั่นเพิ่มเติม | ขนาดมีผลต่อราคาตู้สแตนเลสต้องพิจารณาจากอุปกรณ์ที่จะติดตั้ง เช่น ขนาดของแผงควบคุมไฟฟ้า, เครื่องมือ หรือวงจรไฟฟ้า รวมถึงพื้นที่ที่ใช้ติดตั้ง |
| 3. ประเภทประตู | – บานเดี่ยว (Single Door): เหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็กและใช้งานง่าย – บานคู่ (Double Door): เหมาะกับตู้ขนาดใหญ่ที่ต้องการเปิดกว้างเพื่อเข้าถึงอุปกรณ์ |
| 4. มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น (IP Rating) | – IP55: กันฝุ่นบางส่วนและน้ำที่มีแรงดันปานกลาง – IP66: ป้องกันฝุ่น 100% และกันน้ำแรงดันสูง |
| 5. วัสดุที่ใช้ | – สแตนเลส 304: เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป ทนทานต่อการกัดกร่อน |
การเลือกใช้ IP55 หรือ IP66 ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของหน้างาน
ในโรงงานทั่วไปที่ไม่มีฝุ่นมากและไม่มีน้ำแรงดันสูง IP55 ก็เพียงพอและประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ถ้าต้องติดตั้งใกล้เครื่องจักรที่มีการฉีดน้ำหรือล้างพื้น ควรเลือก IP66 เพื่อความปลอดภัย ตู้ IP66 ยังเหมาะกับโรงงานอาหาร ยา และพื้นที่กลางแจ้งที่มีความชื้นหรือฝุ่นมาก วัสดุตู้ควรใช้สแตนเลสเกรด 304 หรือ 316 เพื่อให้ทนสนิมและใช้งานได้ยาวนาน การเลือกให้เหมาะสมตั้งแต่แรกช่วยลดความเสียหายและค่าใช้จ่ายในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ.
IP55 – ป้องกันฝุ่นบางส่วนและน้ำจากการฉีดเบาๆ
ตู้ที่มีระดับ IP55 เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานภายในอาคารหรือในพื้นที่ที่ไม่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นมาก หรือที่น้ำไม่สามารถเข้ามาทำลายอุปกรณ์ได้โดยตรง โดย IP55 สามารถป้องกันฝุ่นได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงขั้นป้องกันฝุ่นทั้งหมด (Dust Protected) และสามารถทนน้ำที่มีแรงฉีดเบาๆ จากทุกทิศทางได้ (Water jets). ตัวอย่างของการใช้งานที่เหมาะสม ได้แก่ การติดตั้งในห้องเครื่องที่มีอุณหภูมิที่ควบคุมได้ หรือในสถานที่ที่ไม่ต้องเผชิญกับฝุ่นหนาแน่นและน้ำที่มีแรงดันสูง
IP66 – ป้องกันฝุ่น 100% และทนน้ำแรงดันสูง
ในทางกลับกัน IP66 มีระดับการป้องกันที่สูงกว่า โดยสามารถป้องกันฝุ่นได้ 100% (Dust Tight) และป้องกันน้ำที่ฉีดแรงดันสูงจากทุกทิศทางได้ (Powerful water jets). ด้วยคุณสมบัตินี้ IP66 จึงเหมาะกับงานที่ต้องการการป้องกันที่เข้มข้นกว่า เช่น การติดตั้งตู้ควบคุมไฟฟ้ากลางแจ้ง, ในโรงงานที่มีการล้างทำความสะอาดบ่อยครั้งด้วยน้ำแรงดันสูง, หรือ ในสถานที่ที่มีความชื้นสูง เช่น โรงงานอาหาร, โรงงานยา, หรือบริเวณที่อยู่ใกล้ทะเลที่ต้องเผชิญกับฝนหรือน้ำทะเลได้ ตู้สแตนเลส
การใช้งานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง
IP55 เหมาะสำหรับสถานที่ภายในอาคารที่ไม่มีการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องล้างทำความสะอาดบ่อย ๆ เช่น ห้องคอนโทรล, ห้องเครื่องจักรทั่วไป หรือพื้นที่ที่ต้องการการป้องกันฝุ่นที่ไม่รุนแรง
IP66 เหมาะกับการติดตั้งในสถานที่ภายนอกอาคารที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศรุนแรง เช่น โรงงานอาหารและยา, ระบบควบคุมกลางแจ้ง, พื้นที่ที่ต้องทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอด้วยน้ำแรงดันสูง, หรือสถานที่ที่มีความชื้นสูงมาก
ผลงานสินค้าและบริการของเรา
การติดตั้งตู้แขวนสแตนเลส: วิธีติดตั้งให้ปลอดภัยและยืดอายุการใช้งาน
1. เลือกตำแหน่งติดตั้งที่เหมาะสม
-
ความสูงในการติดตั้ง: ควรเลือกติดตั้งตู้ที่ความสูงที่สามารถเข้าถึงได้สะดวก เพื่อตรวจสอบหรือบำรุงรักษาได้ง่าย ควรติดตั้งที่ระดับสายตาหรือในตำแหน่งที่สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ลำบาก
-
การระบายอากาศ: ควรติดตั้งตู้ในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศดี เพื่อป้องกันการสะสมของความร้อนจากอุปกรณ์ไฟฟ้าภายใน
-
ไม่ติดตั้งในพื้นที่เสี่ยง: หลีกเลี่ยงการติดตั้งตู้ในพื้นที่ที่มีการสั่นสะเทือนมาก หรือที่อาจถูกน้ำท่วม หรือมีความชื้นสูงเกินไป
2. ตรวจสอบพื้นผิวที่ติดตั้ง การติดตั้งตู้บนพื้นผิวที่มั่นคงและแข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ตู้มีความปลอดภัยในการใช้งาน
-
ควรตรวจสอบว่า พื้นผิวที่ติดตั้ง แข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักของตู้และอุปกรณ์ภายในได้
-
หลีกเลี่ยงการติดตั้งบนพื้นผิวที่ไม่เรียบหรือไม่มั่นคง เนื่องจากอาจทำให้เกิดการเบี้ยวหรือการเสียหายของตู้
-
หากติดตั้งในพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวหรือแรงสั่นสะเทือน ควรใช้ หมุดยึดหรือสกรูที่แข็งแรง เพื่อยึดตู้ให้มั่นคง
3. การยึดติดตู้แขวน
-
การยึดติดตู้แขวนต้องใช้ สกรูหรือพุกที่มีขนาดและประเภทเหมาะสม กับพื้นผิวที่ติดตั้ง
-
หากติดตั้งบน ผนังคอนกรีต หรือผนังที่แข็งแรง, ควรใช้ สกรูพุก เพื่อเพิ่มความมั่นคง
-
หากติดตั้งบน ผนังไม้ หรือวัสดุที่มีความอ่อนตัว ควรเลือก สกรูที่มีความยาวเพียงพอ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าสกรูไม่หลุดจากผนัง
4. การเชื่อมต่อสายไฟอย่างปลอดภัย
-
ก่อนการติดตั้งตู้ ควร ดับไฟหลัก และ ตรวจสอบระบบไฟฟ้า ให้เรียบร้อย เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดอันตราย
-
การเชื่อมต่อสายไฟเข้าไปในตู้ควรใช้ สายไฟที่ได้มาตรฐาน และ ต่อให้แน่นหนา เพื่อป้องกันการหลุดหรือการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร
-
สายดิน (Grounding) ควรเชื่อมต่อกับตู้เพื่อความปลอดภัยจากกระแสไฟฟ้าเกินหรือลัดวงจร
5. การป้องกันน้ำและฝุ่น
-
หากตู้ต้องติดตั้งในพื้นที่ที่มีความชื้นหรือฝุ่นเยอะ ควรเลือกใช้ ตู้ที่มีระดับ IP สูง เช่น IP55 หรือ IP66 เพื่อป้องกันน้ำและฝุ่น
-
ควรตรวจสอบ ยางซีล หรือ ปะเก็น ที่ติดตั้งตามขอบประตูตู้ว่าไม่มีการเสียหายหรือหลุดออก เพื่อให้การป้องกันน้ำและฝุ่นทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
FAQ คำถามที่พบบ่อย